สระแก้ว - รวบแล้ว! แก๊งต้มตุ๋นชาวบ้านใน 4 อำเภอ จ.สระแก้ว อ้างตัวเป็นเจ้าแม่บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ หลอกร่วมลงทุนวิ่งรถรับ-ส่งสินค้าทำสูญเงินตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท พบหนีไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวใน จ.ชัยภูมิ
จากกรณีที่ชาวบ้านใน 4 อำเภอของ จ.สระแก้ว ได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีต่อสาวใหญ่อดีตพนักงานบริษัท ซับคอนแทรควิ่งรถรับ-ส่งพัสดุให้แก่บริษัทรับ-ส่งสินค้ารายใหญ่ระดับประเทศ หลอกร่วมลงทุนวิ่งรถอ้างรายได้งามแต่ต้องจ่ายค่าประกัน ค่าแต่งรถตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท จนทำให้มีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วานนี้ (4 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.สระแก้ว ได้นำหมายศาล จ.สระแก้ว ที่ จ.239/2563 ลง วันที่ 13 พ.ย.2563 เข้าจับกุมตัว น.ส.พิมพลภัส วัฒนเกียรติกุลชาโต ที่ อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ หลังสืบทราบว่าได้หลบหนีไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนนำตัวกลับมาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนที่ สภ.คลองหาด
และมีกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 80 คนเดินทางมาดูตัว พร้อมนำกระเช้าดอกไม้มอบแก่ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อแสดงความขอบคุณ
โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เสียหายได้เคยเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหาด และ สภ.วังน้ำเย็น รวมทั้งยื่นหนังสือร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว เพื่อขอให้เร่งรัดจับกุม น.ส.พิมพลภัส วัฒนเกียรติกุลชาโต และ น.ส.วรรณา จันทร์ศรี (เดิมนามสกุลเทียบสิงห์)
รวมทั้งขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลังสร้างความเสียหายด้วยการหลอกลวง กระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนนำสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
และเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธร จ.สระแก้ว ได้สืบสวนทราบว่า น.ส.วรรณา จันทร์ศรี (เดิมนามสกุลเทียบสิงห์) ผู้ต้องหาได้ไปหลบซ่อนตัวที่บ้านเลขที่ 87 ม.9 ต.ชับมะกรุด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว จึงควบคุมมาสอบสวน ก่อนจะติดตามตัว น.ส.พิมพลภัส วัฒนเกียรติกุลชาโต ที่ อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ มาดำเนินคดีได้ในที่สุด
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาคือ การหลอกลวงชาวบ้านให้ร่วมวิ่งรถรับ-ส่งพัสดุให้แก่บริษัทรายใหญ่ระดับประเทศ โดยจะมีรายได้มากถึงเดือนละ 20,000-50,000 บาทขึ้นอยู่กับเส้นทางที่จะต้องวิ่งรถรับ-ส่งสินค้าว่าใกล้หรือไกล แต่จะต้องเสียเงินค่าประกันงานแรกเข้าจำนวน 5,000 บาท และค่าเอกสารอีก 1,000 บาท แต่หากใครต้องการตู้เหล็กติดตั้งภายในรถกระบะจะต้องจ่ายเงินเพิ่มตั้งแต่ 6,000-60,000 บาท
และจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.พิมพลภัส วัฒนเกียรติกุลชาโต หรือพลอย พบว่า เป็นอดีตพนักงานของบริษัท แสงอัมพรทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับงานร่วมวิ่งรถรับ-ส่งพัสดุให้แก่บริษัทรายใหญ่แห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากมีพฤติกรรมทุจริตเงินของบริษัท จึงทำให้ต้องออกจากงาน และเมื่อไม่นานมานี้ยังได้แอบอ้างชื่อพระเกจิดังใน ต.เบญจพร อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ไปแอบอ้างหาผลประโยชน์จากสายงานใน อ.อรัญประเทศอีกด้วย