บุรีรัมย์ - จบด้วยดี เสี่ยบิ๊กไบค์เตรียมถอนแจ้งความ หลังหลานสาวพร้อมตายายตากข้าวเปลือกบนถนนขอโทษถึงบ้าน พร้อมบริจาคยางเก่าให้ชาวนาฟรีนำไปพ่นสีสะท้อนแสงวางกั้นตามจุดตากข้าว และนำเงิน รมช.เกษตรฯ ช่วยค่าซ่อมรถมอบให้โรงเรียน ยันไม่คิดเอาเรื่องและเรียกค่าเสียหายแต่ต้น
วันนี้ (23 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ นายคณากร อภัยจิตต์ หรือเสี่ยเต้ย อายุ 27 ปี เจ้าของร้านยางแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนกองข้าวเปลือกที่ชาวนาตากไว้บนถนนบริเวณบ้านหนองจอก ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ช่วงประมาณ 20.00 น. วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา จนรถเสียหลักล้มได้รับความเสียหายและบาดเจ็บ จึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์เฟซบุ๊กเตือนภัยผู้ขับขี่ให้ระมัดระวัง และฝากถึงชาวนาให้นำกรวยหรืออุปกรณ์สะท้อนแสงมาติดตั้งเป็นสัญลักษณ์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งตอนแรกไม่ได้ติดใจเอาเรื่องเจ้าของข้าวเปลือกที่นำมาตากบนถนนเพราะเห็นใจ แต่กลับถูกหลานสาวเจ้าของข้าวโพสต์ต่อว่าว่าอุบัติเหตุเกิดจากเสี่ยขับรถเร็วเอง จนเสี่ยบิ๊กไบค์เปลี่ยนใจเข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าของข้าวเปลือกตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด นายสมชาย หมื่นรัมย์ อายุ 67 ปี พร้อมด้วยนางกูล หมื่นรัมย์ อายุ 60 ปี สองตายายเจ้าของข้าวเปลือก และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลานสาวที่เข้าไปคอมเมนต์ต่อว่าเสี่ยบิ๊กไบค์จนทำให้เรื่องราวบานปลายและกลายเป็นกระแสดรามาในโซเชียลมีเดีย ได้เดินทางไปขอโทษนายคณากรหรือเสี่ยเต้ย เจ้าของบิ๊กไบค์ที่ประสบอุบัติเหตุแล้ว โดยมี นายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นตัวกลางในการพูดคุยในครั้งนี้ โดย น.ส.เอ ซึ่งเป็นหลานสาว ได้ยกมือไหว้ขอโทษเสี่ยเต้ยที่เข้าไปคอมเมนต์ต่อว่าเสี่ยเต้ยในเฟซบุ๊ก ซึ่งเสี่ยเต้ยก็ให้อภัย
น.ส.เอบอกว่า ที่เข้าไปคอมเมนต์ต่อว่าเสี่ยเต้ยวันนั้นทำไปเพราะขาดสติ และด้วยความโมโห ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย อยากฝากถึงคนที่จะเข้าไปคอมเมนต์หรือแสดงความคิดเห็นอะไรต่างๆ ควรจะมีสติ เพราะทุกวันนี้โลกโซเชียลแรง ส่วนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้ามาขอโทษด้วยตัวเองนั้นคิดว่าให้ทางตายายและครอบครัวพูดคุยเรื่องก็จะจบไม่คิดว่าจะบานปลายขนาดนี้ แต่วันนี้ได้มาขอโทษและเสี่ยเต้ยให้อภัยไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไรก็ดีใจ และขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่มอบให้ทางสหกรณ์จังหวัดมาพูดคุยไกล่เกลี่ยจนเรื่องจบลงด้วยดี
ด้านเสี่ยเต้ยบอกว่า หลังจากตา ยาย และหลานสาวได้มาขอโทษด้วยความจริงใจตนก็ให้อภัย และพร้อมจะถอนแจ้งความ ส่วนเงินที่ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ฝากมาช่วยเหลือแทนครอบครัวของคุณตา เพื่อเป็นค่าซ่อมรถให้กับตนเองจำนวน 10,000 บาทนั้น ตนจะนำไปมอบต่อให้แก่โรงเรียนบ้านหนองสะแก ซึ่งมีโครงการที่กำลังจะก่อสร้างอาคารเรียน เพราะไม่ได้คิดที่จะเอาเรื่องหรือเรียกร้องค่าเสียหายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เกิดขึ้นฝากถึงชาวนาที่ยังไม่มีกรวยหรืออุปกรณ์สำหรับวางเป็นสัญลักษณ์ช่วงที่ตากข้าวเปลือกบนถนน ทางร้านมียางเก่าซึ่งชาวนาสามารถมาขอรับได้ฟรี เพื่อนำไปพ่นสีสะท้อนแสงวางกั้นตามจุดที่ตากข้าวให้รถที่สัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้
เสี่ยเต้ยยังขอชี้แจงกรณีที่มีสื่อบางสำนักนำเสนอว่า คุณตา กับคุณยายเข้ามาขอโทษตนเองที่ร้านถึง 3 ครั้ง แต่ตนไม่ยอมออกมารับคำขอโทษนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาที่ร้าน ก็ไม่รู้ว่ามาจากสังกัดไหนช่องไหน มาขอข้อมูลกับตน ซึ่งตนก็ให้ข้อมูลไปทั้งหมดแต่ข่าวที่ออกมากลับบิดเบือนทำให้ตนเองเสียหาย ความจริงตนเจอคุณยายคือวันที่เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งวันนั้นคุณยายก็ได้กล่าวขอโทษ แต่ตนก็บอกยายว่าประเด็นอยู่ที่ตาและหลานสาว ถ้าตากับหลานมาขอโทษเรื่องก็จบ ซึ่งวันนี้เมื่อตากับหลานมาขอโทษตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก
ด้าน นายราชศักดิ์ ตระสินธ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ ซึ่งได้รับการสั่งการมาจาก น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีความเป็นห่วงในกรณีที่เกิดขึ้น จึงให้ตนมาเป็นตัวแทนในการประสานทำความเข้าใจกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังได้มอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อช่วยเหลือตายาย เจ้าของข้าวเปลือกจ่ายเป็นค่าซ่อมให้แก่ผู้เสียหาย เพราะเห็นถึงความทุกข์ยากของชาวนา แต่ก็เห็นใจผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนนก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีก ท่านรัฐมนตรีจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ทุกจังหวัดเปิดพื้นที่ให้ชาวนาสามารถนำข้าวเปลือกไปตากตามลานในสหกรณ์การเกษตรได้ฟรี ส่วนที่ทางผู้เสียหายในกรณีนี้มีแนวคิดจะบริจาคยางรถยนต์เก่าให้ชาวนานำไปพ่นสีสะท้อนแสงเพื่อเป็นอุปกรณ์ไปวางตามจุดที่ตากข้าวให้รถสัญจรไปมามองเห็นได้ชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ดี หากผู้ประกอบการรายอื่นๆ อยากให้ช่วยเหลือชาวนาหรือร่วมกันลดอุบัติเหตุก็อยากให้ร่วมกันบริจาคเพราะถือเป็นสิ่งที่ดี