บุรีรัมย์ - จบลงด้วยดี สกต.บุรีรัมย์ ยอมรับซื้อข้าวชาวนา หลังโพสต์คลิปเดือดความเดือดร้อนชาวนาไทย ถูกหลอกขายพันธุ์ข้าวหอมมะลิปลอม ผลตรวจสอบยันเป็นการซื้อเมล็ดพันธุ์จาก จนท.สกต.บุรีรัมย์ไม่ใช่หน่วยงานรัฐและไม่ได้หลอกขายพันธุ์ข้าว แต่ปัญหาข้าวแดงปนเกิดจากการใช้เมล็ดพันธุ์ซ้ำเกิน 2 ปี
วันนี้ (14 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่มีชาวนาคนหนึ่งในหมู่บ้านโคกลอย ต.ไทยเจริญ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเป็นคลิปวิดีโอ ระบายความอัดอั้นตันใจของชาวนา พร้อมระบุข้อความว่า “อีกหนึ่งความเดือดร้อนของชาวนาไทยใครจะเป็นคนแก้” โดยผู้ที่ปรากฏในคลิประบุว่าข้าวเปลือกหอมมะลิดังกล่าวเป็นของผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกลอย ซึ่งซื้อพันธุ์ข้าวมาจากเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่ง ได้มาหลอกขายให้ตั้งแต่ปี 2561 นำไปปลูกปีแรกขายได้ปกติ ปีต่อมาเริ่มมีข้าวแดงปนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงชดใช้ข้าวให้ แต่พอปลูกปี 2563 แล้วนำไปขายที่สหกรณ์การเกษตรแห่งหนึ่งใน อ.ปะคำ กลับถูกปฏิเสธไม่รับซื้อข้าวดังกล่าวบอกว่าไม่ใช่ข้าวหอมมะลิแท้เป็นข้าวแดงปน ไม่สามารถรับซื้อได้ จึงต้องขนข้าวทั้งหมดกลับบ้านคืนนั้น
ล่าสุด นายราชศักดิ์ ตระสินธุ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายศิลา เทียนแก๊ด ผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกลอยที่เป็นเจ้าของข้าวเปลือกดังกล่าวด้วย จากการพูดคุย ทราบว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (ส.ก.ต.) ได้ใช้พันธุ์ข้าวหอมมะลิ ที่ซื้อจากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.บุรีรัมย์ จำกัด (สกต.บุรีรัมย์) จริง ตั้งแต่ปี 2561 และโดยผู้ใหญ่บ้านได้เก็บเมล็ดพันธุ์จากแปลงนาที่ปลูกไปทำพันธุ์ต่อเนื่องกัน ในปี 2562 และปลูกเก็บผลผลิต นำไปทำเป็นเมล็ดพันธุ์ปี 2563 อีกครั้ง ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้เก็บไว้ทำพันธุ์เกิน 2 ปี ทำให้มีโอกาสที่เมล็ดพันธุ์ข้าวจะไม่มีความบริสุทธิ์ หากการดำเนินการเพาะปลูกพันธุ์ข้าวใช้เองไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ประกอบกับการใช้รถเกี่ยวที่เกี่ยวหลายๆ แปลง ทำให้ผลผลิตข้าวมีโอกาสเกิดการปลอมปนของข้าวแดงและพันธุ์อื่นได้
จากกรณีที่เกษตรกรได้โพสต์คลิปว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐหลอกขายเมล็ดพันธุ์นั้น จากการตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานราชการอื่นในจังหวัดบุรีรัมย์นำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปขายให้เกษตรกรแต่อย่างใด ข้อเท็จจริง คือ เป็นเจ้าหน้าที่ของ สกต.บุรีรัมย์ จำกัด เป็นผู้นำเมล็ดพันธุ์ไปจำหน่ายให้แก่ผู้ใหญ่บ้านรายดังกล่าว
ทั้งนี้ นายราชศักดิ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้เจรจากับทุกฝ่าย รวมถึง สกต.บุรีรัมย์ จำกัด ที่เป็นจุดรับซื้อข้าว ซึ่งได้ร่วมมือกับสหกรณ์การเกษตรปะคำ จำกัด เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกของ สกต.บุรีรัมย์ จำกัด สมาชิกสหกรณ์การเกษตรปะคำ จำกัด และเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่อำเภอปะคำ และใกล้เคียง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม นายสุนทร บุญเต็ม ประธานกรรมการ สกต.บุรีรัมย์ จำกัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ร่วมเข้าร่วมเจรจาและชี้แจงเหตุการณ์กรณีที่เกิดขึ้นต่อผู้เข้าร่วมเจรจาในครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของสมาชิก สกต. และเป็นการช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นสมาชิกของ สกต.รายนี้ให้ได้รับความเป็นธรรม จึงยินยอมที่จะรับซื้อข้าวเปลือกจากผู้ใหญ่บ้านที่ได้ซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวของ สกต.ไปปลูกในราคาที่เป็นธรรมตามความเป็นจริงของสภาพข้าว
ขณะที่นายศิลา เทียนแก๊ด ผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกลอย บอกว่า หลังจากทางสหกรณ์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาร่วมพูดคุยและหาทางออกกรณีที่เกิดขึ้น และทาง สกต.รับปากว่าจะรับซื้อข้าวเปลือกที่เกิดปัญหาจำนวน 15 ตัน ในราคาตามสภาพข้าว ก็รู้สึกดีใจและพอใจ เพราะหากไม่รับซื้อก็ไม่รู้จะนำไปเก็บไว้ที่ไหนและจะได้นำเงินจากการขายข้าวไปใช้จ่ายในครอบครัวด้วย
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่ากรณีที่มีข้าวแดงปนจนถูกปฏิเสธการรับซื้อข้าวนั้น อาจเกิดจากการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวซ้ำเกิน 2 ปี ไม่ได้หลอกขาย ตนก็เข้าใจและไม่ได้ติดใจอะไร คงจะปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าว