อุดรธานี - เตรียมจัดพิมพ์ลายพระหัตถ์ ในหลวงพระราชทานลายพระหัตถ์แก่พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีครั้งแรก ผู้ว่าฯ อุดรธานีเผยปลื้มปีติ เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิต
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ประชุมเตรียมจัดพิมพ์เผยแพร่ลายพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานลายพระหัตถ์แก่พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี ให้ประชาชนน้อมนำใส่เกล้าฯ ไปปฏิบัติ และเป็นที่ระลึกในโอกาสการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจังหวัดอุดรธานีครั้งแรกในรัชสมัยพระองค์ท่าน
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มยินดีในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานลายพระหัตถ์แก่พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี พร้อมนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดอุดรธานี เตรียมจัดพิมพ์เผยแพร่ให้ประชาชนนำใส่เกล้าฯ ไปปฏิบัติ
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนจังหวัดอุดรธานีครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์และเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี โดยทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด และทรงเป็นกันเองกับประชาชนมาก รวมระยะทางกว่า 300 เมตร
ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีแก่พสกนิกรที่มารอเฝ้าฯ รับ-ส่งเสด็จ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิต ในขณะระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร ทั้งสองพระองค์มีพระราชดำรัสอย่างเป็นกันเอง และพระราชทานลายพระหัตถ์ และมีพระบรมราชานุญาตให้พสกนิกรสามารถถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกได้
สำหรับข้อความลายพระหัตถ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่พสกนิกรชาวอุดรธานี โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้แทนพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีรับพระราชทานจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 มีใจความว่า “ขอบใจในความรัก และกำลังใจ เราต่างรักกัน ห่วงกัน ห่วงประเทศชาติ ช่วยกันรักษาบ้านเราด้วยความดี เพื่อความสุขและความเจริญ รักษาความวิเศษของความเป็นไทย”
