พิษณุโลก - ท่องเที่ยวบ้านม้งน้ำจวง..ติดลมบน คนเริ่มแห่สัมผัสมุมมองใหม่ 360 องศามองเหนือ “นาขั้นบันไดเนินสองเต้า” รวมถึงมินิทีลอซู รองผู้ว่าฯ ประกาศพร้อมจัดงบหนุนกลางงานกินข้าวใหม่ม้ง แต่ห้ามสร้างบ้านพักรีสอร์ต หวั่นซ้ำรอย “ภูทับเบิก-ม่อนแจ่ม”
นายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายสุทัศน์ วงษ์ทับทิม นายอำเภอชาติตระการ และนายพีรากร ราชเพียแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อภาค พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมเปิดงาน “กินข้าวใหม่ม้ง-บ้านน้ำจวง ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก” ระหว่าง 27-28 ต.ค.นี้อย่างยิ่งใหญ่
ซึ่งมีทั้งการทำพิธีเรียกขวัญข้าว การแข่งขันคัดข้าวใหม่ พร้อมการแสดงวัฒนธรรมชาวเขาเผ่าม้ง การแข่งขันรถฟอร์มูลาม้ง แข่งยิงหน้าไม้ แข่งขันแพทะเลภูเขาที่อ่างเก็บน้ำบ้านน้ำจวง มีจุดขายสำคัญคือ น้ำตกตาดปลากั้ง ซึ่งหลายหน่วยงานได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนมาอย่างต่อเนื่องหลายปี รวมทั้งมหรสพยามค่ำคืนด้วย
โดยเฉพาะน้ำตกตาดปลากั้งนั้น เมื่อนายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าฯ เห็นกับตาถึงเอ่ยปากว่า..นี่เป็นมินิทีลอซูชัดๆ..เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นฤดูฝนมาไม่นาน น้ำใสและไหลเย็นจากเทือกเขาไหลกระเซ็นเป็นสายสวยงามยิ่งนัก พร้อมกับหยิบมือถือใช้น้ำตกตาดปลากั้งเป็นฉากหลังถ่ายรูปเซลฟีตัวเองทันที
จากนั้นคณะฯ ได้ขึ้นไปชมจุดชมวิวหลายจุด และไฮไลต์คือจุดสูงสุดที่มองลงมาเห็น “เนินสองเต้า” นาข้าวขั้นบันไดไหล่ภูเขาทั้งลูกและมองลงมาด้านล่างคือ “อ่างเก็บน้ำจวง” ซึ่งมีรีสอร์ตไร่เคียงดาว ที่เพิ่งเปิดทำการเพียง 5 วันเท่านั้น โดยมีพี่น้องชาวม้ง 6 คนร่วมเนรมิตยอดภูเขาให้เป็นร้านจำหน่ายอาหาร-เครื่องดื่ม และจุดกางเต็นท์ชั่วคราวริมเขาประมาณ 10 หลัง พร้อมกับสร้างจุดเช็กอินที่ยื่นจากไหล่เขาไปสร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวด้วย
ทั้งนี้ พบว่านักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่ไปเห็นแล้วจับจองค้างคืนทันที เนื่องจากวิวดี สามารถมองเห็นยอดเขาทั้งหมู่บ้านน้ำจวงแบบ 360 องศา เพราะตั้งอยู่บนจุดสูงสุดบนเทือกเขาสูง 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
อย่างไรก็ตาม หลังคณะรองผู้ว่าฯ และนายอำเภอชาติตระการ รวมทั้งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทองเห็นทำเลจุดกางเต็นท์แห่งใหม่บ้านน้ำจวงก็พากันตกใจและเตือนเจ้าของรีสอร์ตว่าให้สร้างแค่เต็นท์ที่พักแก่นักท่องเที่ยวเพียงเท่านี้พอแล้ว ห้ามสร้างบ้านพักรีสอร์ตเด็ดขาด พร้อมกำชับไม่ให้คนนอกพื้นที่เข้ามาดำเนินการ เนื่องจากอาจจะถูกวิจารณ์เป็นทัศนะอุจาดทำให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เหมือนกับภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ หรือม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่มีการสร้างเต็นท์-บ้านพักจนเกลื่อนภูเขา
รองผู้ว่าฯ ได้กล่าวบนเวทีต่อหน้าพี่น้องชาติพันธุ์ชาวม้งบ้านน้ำจวงที่มาต้อนรับว่า จังหวัดฯ จะสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน จึงได้พาหัวหน้าสำนักงานจังหวัดฯ มาดูพื้นที่และพร้อมจะจัดสรรงบประมาณเพื่อการท่องเที่ยวใหม่ในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะจะพัฒนาเส้นทางเข้าไปชมมินิทีลอซู โดยขอให้หัวหน้าหน่วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทองเขียนโครงการพัฒนาท่องเที่ยวบ้านน้ำจวงเพื่อให้จังหวัดสนับสนุนงบประมาณพัฒนาการด้านการท่องเที่ยวในชุมชนแห่งนี้ต่อไป
ด้านนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่เดินทางมาพักที่เต็นท์ไร่เคียงดาว บอกว่า เห็นบรรยากาศและวิวบริเวณเทือกเขาบ้านน้ำจวงก็ยินดีจ่ายเงินเพื่อพักค้างแรม เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และตอบสนองนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่มีความปลอดภัย อาหาร-เครื่องดื่ม และที่พัก เหมือนกับม่อนแจ่มและภูทับเบิกที่เคยไปมาบ่อยครั้ง
“บ้านน้ำจวงนั้นอากาศบริสุทธิ์ คนไม่พลุกพล่าน และจ่ายค่าเช่าเต็นท์นอนเพียงคืนละ 600 บาทเท่านั้น หากเป็นจังหวัดเพชรบูรณ์หรือเชียงใหม่ วิวหรือทำเลลักษณะเดียวกันจะต้องจ่ายถึง 2 พันบาทต่อคืน มาที่น้ำจวงถือว่าทำเลใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ คุ้มค่าที่ได้มาสัมผัสอากาศบนเทือกเขา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมาภาครัฐและเอกชนได้เชิญชวนและเปิดให้นักท่องเที่ยวชม “นาขั้นบันได” และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนน้ำจวงเป็นที่รู้จักในนาม “ซาปาเมืองไทย” มีการจัดงาน “กินข้าวใหม่ม้ง” หลายครั้ง โปรโมตถึงความงามตามธรรมชาติตลอดทั้งฤดูฝนและฤดูหนาว รวมถึงวิถีชีวิตชุมชนบ้านน้ำจวงอย่างต่อเนื่อง มีโฮมสเตย์ทยอยเปิดหลายแห่ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวไม่ขาดสายแม้ต้องเดินทางไกลนับร้อยกิโลเมตร