แม่สอด/เมียวดี - ชาวชุมชนกลางเมืองแม่สอดยิ้มร่าใต้หน้ากากอนามัยกันถ้วนหน้า..หลังได้ไฟเขียวเลิกล็อกดาวน์หมู่บ้าน แต่ยังต้องตั้งการ์ดกันโควิดเข้มงวด ขณะที่พ่อค้าไทย-พม่านำรถรับส่งสินค้าข้ามฝั่งแทบล้นด่านฯ แม่สอด-เมียวดีต่อเนื่อง
ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ต.ค.) ชาวบ้านทั้งไทย-พม่าที่อาศัยอยู่ในชุมชนถุงทอง มัสยิดมะดีนะฮ์ เขตเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก กว่า 3,000 คน ได้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน เดินทางออกไปทำงานได้ตามปกติแล้ว หลังพบครอบครัวชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในชุมชนติดเชื้อโควิดรวม 5 ราย จนถูกสั่งล็อกดาวน์ห้ามเข้า-ออกชุมชนชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ได้ประกาศสั่งปลดล็อกดาวน์ตั้งแต่ 24.00 น.ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองชาวบ้านทั้งชุมชนแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม
ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับมาทำงานนอกบ้านได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามทุกคนก็ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคติดตัวตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน
ขณะที่โรงเรียนราษฎรวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามชุมชนหมู่บ้านถุงทอง เขตเทศบาลนครแม่สอด ก็ได้เปิดทำการเรียนการสอนตามปกติเป็นวันแรก ซึ่งผู้ปกครองได้พาบุตรหลานมาส่งที่โรงเรียนตามปกติ และทางโรงเรียนได้เพิ่มครูเวรทำการตรวจคัดกรองทั้งผู้ปกครอง-นักเรียนทุกคนที่ผ่านเข้าออกโรงเรียนอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับโรงเรียนอื่นๆ รอบชุมชน
ส่วนบริเวณหน้าด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ที่มีการเปิดด่านฯ แล้ว พบว่ายังคงมีรถสินค้าทั้งสองประเทศมารอหน้าประตูด่านฯ ทั้งสองฝั่งกันเป็นจำนวนมากตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เสริมการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรครถบรรทุกสินค้าทุกคัน รวมถึงพื้นลานจอดรถและจัดช่องทางเดินรถภายใน Safety Zone อย่างเป็นระบบ
สำหรับคนขับรถทั้งไทย-พม่าต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด-19 จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอแม่สอด และจากกรมควบคุมโรคทุกคน ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปรับ-ส่งสินค้าภายใน Safety Zone หน้าด่านฯ แม่สอดแห่งที่ 2 อย่างเด็ดขาด ซึ่งมาตรการตรวจคัดกรองดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการตั้งแต่เวลาเปิดด่านฯ ไปจนกว่าจะปิดด่านพรมแดนทุกวัน