xs
xsm
sm
md
lg

ท้าพิสูจน์เบเกอรี 4 บาท! อดีตเชฟสายการบินดัง-รร.ใหญ่หนีม็อบการเมืองกลับบ้านเกิด โควิดระบาดยังขายได้กำไร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทัยธานี - อดีตเชฟสายการบินดัง-โรงแรมใหญ่ย่านราชประสงค์..ยันอยู่บ้านนอกก็ขายของได้ บอกเจอพิษม็อบการเมืองตกงานกลับบ้านเกิด-เปิดกลางนาเบเกอรีชิ้นละ 4 บาทมาเป็น 10 ปี วันนี้แม้โควิดระบาด-เศรษฐกิจซบยังทำกำไรได้ทุกวัน


กรณีศึกษา..อดีตเชฟสายการบินดัง-โรงแรมใหญ่กลางกรุงเคยเจอพิษม็อบการเมืองราชประสงค์จนตกงาน-ขาดรายได้ ตัดสินใจหอบครอบครัวกลับอุทัยธานีบ้านเกิด ก่อนวัดดวงจับมือกับภรรยาทำขนมปังเบเกอรีที่ทั้งรสชาติดี สดใหม่ และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ขายกลางทุ่งนาราคาชิ้นละ 4 บาท ขณะที่ร้านทั่วไปขายกันในราคา 10-40 บาท จนมีลูกค้าทั้งชาวบ้านร้านถิ่น หน่วยงานองค์กร ร้านค้า สั่งซื้อทุกวัน

นายนพวงศ์ เฉลยขุน อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ที่ 1 บ้านหนองขุนทอง หมู่ที่ 1 ต.หนองนางนวล อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เล่าว่า ทำขนมปังเบเกอรีขายในราคา 4 บาทมา 10 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านั้นเคยเป็นเชฟของสายการบินก่อนไปเป็นเชฟโรงแรมดังแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ด้วย

กระทั่งปี 2553 มีการชุมนุมทางการเมืองซึ่งยืดเยื้อเป็นเวลานาน จนทำให้โรงแรมได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ จนสุดท้ายทางโรงแรมจึงต้องสั่งให้หยุดทำงาน ทำให้ตนไม่มีงาน-ไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ประกอบกับอยากกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลพ่อแม่ยามท่านแก่เฒ่าด้วย จึงตัดสินใจหิ้วกระเป๋ากลับบ้านเกิดที่อุทัยธานี พร้อมกับภรรยาที่ทำงานในโรงแรมย่านเดียวกัน


ที่บ้านมีอาชีพหลักคือ ทำนา แต่ด้วยความที่ตนรักในอาชีพการเป็นเชฟ จึงตัดสินใจใช้ความรู้ความถนัดในด้านการทำขนม ลองเปิดธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวใช้ห้องชั้นล่างของบ้านเป็นห้องทำขนม และด้วยอาชีพชาวนาที่ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งไปไหน จึงใช้ชื่อโลโก้ขนมปังของร้านว่า "กลางนาเบเกอรี่"

นายมานพบอกว่า ตอนนั้นเริ่มจากการทดลองทำขนมปังที่ดูแล้วชาวบ้านในพื้นที่สามารถกินได้ทันทีที่เห็น เน้นเป็นขนมปังที่คนรู้จักและเคยกินมาก่อน เพราะชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นเกษตรกรใช้ชีวิตพื้นบ้าน จึงไม่ค่อยนิยมกินอาหารที่แปลกใหม่

โดยเริ่มทดลองทำขนมปังไส้สังขยา กับไส้ใบเตย และขนมปังหน้าไส้กรอก เพื่อทดลองตลาด และขายในราคาชิ้นละ 4 บาท ทำให้การเข้าถึงของลูกค้าที่เป็นชาวบ้านนั้นง่ายขึ้นเพราะมีกำลังซื้อกิน ด้วยรสชาติเป็นที่ถูกปากทำให้หลายคนต่างนำไปบอกเล่ากันปากต่อปาก จนทำให้เริ่มมีคนเดินทางเข้ามาเลือกซื้อขนมปังของตนที่บ้านกันมากขึ้น


ขณะเดียวกันตนก็เริ่มหาตลาดนำขนมปังไปวางขายตามร้านโชวห่วยต่างๆ ในพื้นที่และติดต่อร้านส่งใหญ่เพื่อขยายตลาด ซึ่งแรกๆ ก็มีทั้งร้านรับบ้าง-ไม่รับบ้าง แต่ด้วยความอดทนทำอย่างตั้งใจ จนวันนี้ตนสามารถทำขนมปังเบเกอรีส่งขายให้ร้านต่างๆ หลากหลายมากขึ้น จนทำยอดขายได้สูงถึง 3,000 ชิ้นต่อวันทีเดียว

แต่ตอนนี้ หลังไวรัสโควิดแพร่ระบาด-เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้ยอดขายลดลงตามไปด้วย จนเหลือยอดสั่งประจำวันละ 800-1,000 ชิ้น แต่ก็ยังถือว่าพออยู่ได้ มีกำไรเข้าบ้านวันละ 500-800 บาทต่อวัน นอกจากนี้ยังได้การสั่งซื้อพิเศษจากหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เข้ามาสั่งทำขนมเพิ่มในเวลาที่มีการจัดประชุมมาเป็นอาหารเบรกอีกหลายแห่งต่อวัน


โดยขนมปังของกลางนาเบเกอรี่มีไส้หลายชนิด เช่น ขนมปังหน้าหมูหย็อง ขนมปังไส้กรอก ขนมปังไส้ครีม ขนมปังสังขยา ขนมปังไส้ใบเตย ขนมปังหน้าแฮม ขนมปังพิซซา เค้กกล้วยหอม คุกกี้ และขนมปังหอย เป็นต้น ซึ่งยังคงขายในราคาชิ้นละ 4 บาทเหมือนเดิม แม้กำไรจะน้อย แต่ถือเป็นรายได้ที่ตนภูมิใจมากที่ได้ดูแลครอบครัวและได้ทำในสิ่งที่รัก และดีใจที่วันนั้นตัดสินใจลงมือทำ แม้จะอยู่ในท่ามกลางความคิดที่ว่าจะสำเร็จได้น้อยมาก

“ลบความคิด ความเชื่อที่ว่า ขายของที่บ้านนอกมันไม่รุ่งหรอกเดี๋ยวก็เจ๊งออกไปเลย สำหรับผมนั้นคิดว่าความตั้งใจ ความทุ่มเท และความอดทน ที่เกิดจากการได้ทำในสิ่งที่รักนั้น หากเรามี 3 สิ่งนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สภาพแวดล้อมใดมันก็ไม่สามารถมาปิดกั้นเราได้ ถ้าใจเราสู้และลงมือทำ” นายนพวงศ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น