ลำพูน - ตำรวจลำพูนยันได้ชื่อ-เตรียมออกหมายเรียกแก๊งโจ๋กวนเมืองทุกคนแล้ว..หลังจับหนุ่มวัย 17 เค้นสอบรับสามารถรวมกลุ่มซิ่ง จยย.ไล่ล่าคู่อริ-ปาระเบิดทำมือบึ้มสนั่นถนนคืนสุดสัปดาห์จนชาวบ้านผวากันทั่ว
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทั่วเมืองลำพูนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา แล้วก่อเหตุใช้ท่อนไม้-ท่อนเหล็กไล่ทำร้ายคู่อริ และโยนระเบิดไม่ทราบชนิดตามถนนลำพูน-ป่าซาง พอไล่ตามทันยังทุบรถจักรยานยนต์คู่กรณีที่ทิ้งรถหนีตายจนเสียหาย
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวาเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุอยู่ติดกับบ้านเรือนประชาชนและห่างจาก สภ.เมืองลำพูนเพียง 100-200 เมตร ที่สำคัญวัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะพากันมารวมตัวก่อเหตุลักษณะเดียวกันบ่อยครั้ง
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.นฤชิต เนียวกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ฐิติพล อรุณสกุล รักษาการ ผกก.สภ.เมืองลำพูน เร่งดำเนินการจับกุมตัวกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูนได้แกะรอย-สอบปากคำกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกทุบรถเสียหาย และตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ รวมถึงกล้องวงจรปิดตามแยกและเส้นทางที่หลบหนี
ล่าสุดค่ำวานนี้ (13 ต.ค.) ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูนทราบข้อมูลว่าหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง เขตหมู่ที่ 5 ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน จึงได้ขอหมายศาลจังหวัดลำพูนเข้าตรวจค้นจับกุม พบนายตี๋ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ วัตถุระเบิดชนิดทำเอง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ซม. 1 อัน กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัด และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 นัด จึงควบคุมตัวไปสอบสวน
เบื้องต้นนายตี๋ (นามสมมติ) ได้รับสารภาพว่าเป็นหนึ่งในแก๊งที่ก่อเหตุจริง และยอมรับว่าเป็นผู้โยนระเบิด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเนื่องจากยังเป็นเยาวชน
ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อแล้ว และเตรียมออกหมายเรียกให้มาสอบปากคำ หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะได้ออกหมายจับต่อไป ซึ่งผู้ปกครองที่ทราบว่าบุตรหลานเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ หรือน้องๆ เยาวชนที่รู้ตัวเองดีว่าร่วมก่อเหตุ ขอให้ผู้ปกครองนำตัวมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
