เพชรบุรี - เปิดใช้แล้ว!! คลองระบายน้ำ D9 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ ชี้เป็นตัวช่วยสำคัญป้องกันน้ำท่วมเมีองเพชร หลังจากช่วยกันผลักดันโครงการจนสำเร็จและเปิดใช้ได้
วันนี้ (9 ต.ค.) ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน จ.เพชรบุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดใช้งาน คลองระบายน้ำสายใหญ่ 3 D9 โดยมี นาย สันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำชลประทาน ให้การต้อนรับและรายงานสรุป
โดยโครงการคลองระบายน้ำ D9 ที่รองรับน้ำจากเขื่อนเพชรบุรี ผันน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย เป็นโครงการจากการผลักดันของภาคประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ หลังจากเมืองเพชรบุรีเผชิญน้ำท่วมใหญ่ในปี 59, 60 และปี 61 โดย ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ในขณะนั้นได้จัดตั้งเวทีเสวนา "น้ำท่วมทุกปี คนเพชรบุรีอยู่อย่างไร?" โดยรวมตัวพี่น้องประชาชนชาวเพชรบุรีกว่าพันคน มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หาแนวทางร่วมกันกับหน่วยงานรัฐ เช่น กรมชลประทาน และหน่วยงานฝ่ายปกครอง ก่อตั้งเป็นคณะกรรมการแก้ปัญหาน้ำท่วมเพชรบุรี โดยถือเป็นเครือข่ายความร่วมมือภาคประชาขนขนาดใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของเพชรบุรี
โดยคณะกรรมการ นำโดย ดร.ยุทธพล ได้ทำเรื่องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณขุดขยายคลอง D9 เพื่อใช้เป็นทางผันน้ำจากเขื่อนเพชรบุรี ออกสู่ทะเลบริเวณชายหาดปึกเตียน เพิ่มขีดความสามารถในการผันน้ำได้ปริมาณ 50-100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
จากสถานการณ์น้ำใน จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 9-11 ต.ค.นี้ ยังคงมีฝนตกปานกลางถึงฝนตกหนัก ปริมาณน้ำจากห้วยแม่ประจันต์ อยู่ในเกณฑ์ที่บริหารจัดการได้ โดยในระยะที่ 1 ปริมาณน้ำหลาก ไม่เกิน 80-100 ลบ.ม./วินาที จะระบายน้ำส่วนใหญ่ลงคลองระบายน้ำ D9 ปัจจุบันมีปริมาณน้ำจากห้วยแม่ประจันต์ 50-60 ลบ.ม./วินาที) ในระยะที่ 2 ปริมาณน้ำหลากมากกว่า 100 ลบ.ม./วินาที จะเพิ่มการระบายน้ำเข้าคลองส่งน้ำทุกสายให้เต็มที่ ในระยะที่ 3 จะระบายน้ำส่วนที่เหลือลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี ดังนั้น พื้นที่ริมแม่น้ำเพชรบุรี และพื้นที่ริมคลองส่งน้ำยังคงต้องเตรียมความพร้อมในการป้องกัน เช่น การเสริมกระสอบทราย และการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจนกว่าจะสิ้นฤดูฝน
ดร.ยุทธพล กล่าวว่า ตนดีใจที่ในที่สุดคลอง D9 สามารถเปิดใช้งาน เพื่อเป็นอีกหนึ่งเส้นเลือดใหญ่ที่จะช่วยเมืองเพชรบุรีให้รอดพ้นจากภัยน้ำท่วม ถือเป็นผลงานความสำเร็จจากความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวเพชรบุรี แต่เหนือสิ่งอื่นใดวันนี้ อยากให้คนไทยทุกคนร่วมกันตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้ภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ขอให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ อนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ ปรับการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาความรุนแรงของภัยธรรมชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้