กาญจนบุรี - ระทึก!! จามจุรียักษ์อายุกว่า 100 ปี โค่นขวางถนน ทับบ้านเสียหาย 1 หลัง เสาไฟหัก 3 ต้น โชคดีไร้เจ็บตาย ขณะที่เกษตรกร ดีใจหลังประสบปัญหาภัยแล้งมานาน
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายอนุชา สุขเชิงชาย นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ว่า จากกรณีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการจังหวัด ได้มีโทรสารในราชการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ด่วนที่สุดที่ กจ (กปภจ) 0021/ว30 ลงวันที่ 6ต.ค.2563 ให้ทุกพื้นที่ตรียมพร้อมรับสถานการณ์ผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังจากพายุดีเปรสชัน ซึ่งจะมีผลกระทบระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค.63 รวม 3 วัน
โดยอำเภอห้วยกระเจา โดยว่าที่ ร.ต.ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายอำเภอห้วยกระเจา ได้ถ่ายทอดคำสั่งข้างต้นให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแต่ละตำบล หมู่บ้าน ได้รับทราบ เพื่อหาแนวทางป้องกัน โดยเทศบาลตำบลสระลงเรือ ไอ้ออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบทั้ง 17 หมู่บ้าน
แต่ประชาชนในพื้นที่บางส่วนมีบ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้สภาพเก่ามาก จึงยากต่อการป้องกัน โดยพายุดีเปรสชันได้ตกในพื้นที่ตำบลสระลงเรือ ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะฝนตกได้มีลมกระโชกอย่างรุนแรง เป็นเหตุทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านปลิวไปกับสายลม ต้นไม้โค่นล้มขวางเส้นทางการจราจร ส่วนพื้นที่การเกษตรประเภทไร่อ้อย และมันสำปะหลัง โดยมวลน้ำจากลำห้วยบ้านห้วยยาง ได้เอ่อล้นไหลบ่าเข้าท่วมขังจำนวนหนึ่ง แต่พื้นที่การเกษตรดังกล่าวยังไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
เบื้องต้น ผู้บริหาร สมาชิกสภา รองปลัดรักษาราชการแทนปลัดเทศบาลตำบลสระลงเรือ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กองช่าง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย และได้นำถุงยังชีพไปมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระรวม 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 3 บ้านห้วยยาง หมู่ที่ 10 บ้านยางทอง หมู่ที่ 11 บ้านบ่อเงิน และหมู่ที่ 15 บ้านวังรักษ์
ส่วนพื้นที่การเกษตรและความเสียหายในทรัพย์สินของประชาชน จะได้เร่งลงพื้นที่เพื่อสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาซ้ำอีก ภายในไม่เกิน 3 วัน สถานการณ์คงจะเข้าสู่สภาวะปกติ
นายอนุชา เปิดเผยต่อว่า สำหรับพื้นที่ตำบลสระลงเรือ อ.ห้วยกระเจานั้น ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง เนื่องจากเมื่อถึงฤดูฝน ฝนก็ตกไม่ตรงตามฤดูกาล ซึ่งจะเป็นเช่นนี้เกือบทุกปี จนชาวจังหวัดกาญจนบุรีขนานนมกันว่า อีสานภาคตะวันตก
การที่เกิดพายุดีเปรสชันขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค.ตามที่กรมอุตุฯ ได้พยากรณ์สภาพอากาศเอาไว้ล่วงหน้าถือว่าพยากรณ์ได้แม่นมาก และถือว่าส่งผลดีให้แก่ประชาชนชาวเทศบาลตำบลสระลงเรือเป็นอย่างมาก ที่จะได้มีน้ำเอาไว้ใช้ในด้านการเกษตร จากการพูดคุยพบว่าชาวบ้านต่างดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่มากนัก ซึ่งทางเทศบาลจะหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
โดยหากประชาชนในพื้นที่ตำบลสระลงเรือ ได้รับความเสียหายจากพายุดีเปรสชันที่เกิดขึ้น ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ถึง สามารถแจ้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ให้ทราบ หรือจะติดต่อมาทางเทศบาลตำบลสระลงเรือ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายอนุชา เผย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ฝนจากพายุดีเปรสชันได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.จนถึงวันนี้ 9 ต.ค. รวม 3 วันติด โดยภาพรวมแล้วประชาชนไม่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับความเสียหายของอาคารบ้านเรือน แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า ต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่า 100 ปี สูงกว่า 30 เมตร ที่อยู่ฝั่งชุมชนร่วมพัฒนา ตรงข้ามกับโรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยนุเคราะห์) ต.บ้านเหนือ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ได้โค่นล้มขวางถนนแบบถอนรากถอนโคน ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้
โดยต้นจามจุรียักษ์ยังล้มทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไป 1 หลัง โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ ทรัพย์สินทางราชการคือ เสาไฟฟ้าหักไป 3 ต้น เป็นเหตุทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในชุมชนร่วมพัฒนา ไม่มีไฟฟ้าใช้
ซึ่งเจ้าของบ้านที่ถูกต้นจามจุรียักษ์ล้มทับบ้านจนได้รับความเสียหาย กล่าวว่า คืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะตนอยู่ภายในบ้าน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากฝั่งตรงข้ามของบ้าน ตนจึงออกมาดู ปรากฏว่า ตนจามจุรีกำลังโค่นล้มมาทางบ้านของตนเอง ด้วยความตกใจตนจึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี ได้ระดมกำลังนำอุปกรณ์เครื่องมือมาตัดต้นจามจุรีเพื่อเคลียร์เส้นทางการจราจรแล้ว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำกำลังมาซ่อมแซมเสาไฟเพื่อจ่ายกระแสไฟให้แก่ประชาชนแล้วเช่นกัน