บุรีรัมย์ - “ครูต๋อง” หัวร้อนด่า ตบหน้านักเรียน ม.2 ย่องขอโทษเด็กและผู้ปกครอง อ้างเป็นเรื่องเข้าใจผิด แค่ใช้มือแตะไหล่ตามประสาครูพละกับลูกศิษย์ ไม่ได้ตบหน้าแต่เด็กหันมาโดนมือเอง ด้านผู้ปกครองไม่ติดใจหลังครูบุรีรัมย์หัวร้อนมาขอโทษด้วยตัวเอง
วันนี้ (2 ต.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่มีครูสอนวิชาพละศึกษา โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ด่าเด็กนักเรียนชายชั้น ม.2 ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และใช้มือตบหน้าอย่างแรง ช่วงที่เด็กยืนรอจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในงานเลี้ยงเกษียณครูในโรงเรียน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. คืนวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เด็กงง และเสียใจเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่กลับถูกครูด่าและตบหน้า จึงนำเรื่องไปเล่าให้ผู้ปกครองฟัง ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับทางผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนแจ้งว่า ผอ. เดินทางไปราชการ และไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังครูที่ถูกกล่าวหาว่า ด่า และตบหน้าเด็กนักเรียน ซึ่งครูคนดังกล่าวชื่อว่า ครูต๋อง อายุ 57 ปี เป็นครูสอนวิชาพละศึกษา ยินดีชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยให้บันทึกภาพเฉพาะตอนนั่งพูดคุยเท่านั้น แต่ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์
ครูต๋อง ชี้แจงว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด โดยวันนั้นครูไม่ทราบว่าน้องฟิวส์ จะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในงานเกษียณครูในโรงเรียนด้วย เพราะน้องไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกับนักเรียนคนอื่นที่จะขึ้นแสดง ตนเห็นใส่ชุดนักเรียนอยู่ ด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนั้นเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว จึงเข้าไปถามว่าทำไมยังไม่กลับบ้าน พร้อมบอกให้กลับบ้านเพราะค่ำแล้ว ซึ่งตอนที่เดินไปบอกตนได้ใช้มือแตะที่ไหล่ของน้อง เหมือนเวลาที่ตนสอนพละก่อนที่นักฟุตบอลจะลงสนามจะใช้มือตบไหล่แล้วบอกให้สู้ๆ และตอนที่ใช้มือจับไหล่น้องเป็นจังหวะที่น้องหันหน้ามาพอดีอาจไปโดนช่วงระหว่างคอและหน้าของน้อง
“ยืนยันว่าไม่ได้ตบหน้าน้องอย่างแน่นอน และหลังจากทราบเรื่องก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงได้เดินทางไปขอโทษน้อง และผู้ปกครองที่บ้านแล้ว หลังจากได้พูดคุยทำความเข้าใจทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว” ครูต๋อง กล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามยายและน้าของน้องฟิวส์อีกครั้ง หลังจากที่ครูต๋องได้มาขอโทษด้วยตัวเองถึงที่บ้านแล้ว ทั้งยายและน้าของน้องฟิวส์ บอกว่า รู้สึกสบายใจ และไม่ติดใจเอาเรื่อง หรือถือโทษโกรธครูแล้ว เพราะครูได้มาขอโทษด้วยตัวเอง และชี้แจงให้ฟังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดไม่ได้มีเจตนา ซึ่งทางครอบครัวเองก็ไม่ได้อยากให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว และไม่อยากให้กระทบสภาพจิตใจน้องด้วย