ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักธุรกิจเมืองระยอง เรียกเสียงฮือฮาบนท้องถนน หลังนำโคลนติดรอบรถทั้งคัน บอกสร้างสีสันยามเศรษฐกิจซบเซา ทำชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเมืองพัทยา หัวเราะร่าแห่ถ่ายภาพแชร์โลกออนไลน์ ชี้ไม่เหมือนใครซ้ำยังเป็นไอเดียแปลกใหม่
วันนี้ (30 ก.ย.) ชาวเมืองพัทยา และนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้าไปทำธุระย่านโครงการถนนคนเดิน หรือวอล์กกิ้งสตรีท พัทยา จ.ชลบุรี ต่างพากันให้ความสนใจรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 3366 ระยอง ซึ่งมีสภาพเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตลอดทั้งคัน
โดยประชาชนและนักท่องเที่ยบางรายได้พากันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ รวมทั้งถ่ายภาพรถยนต์คันดังกล่าวเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งสามารถสร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่เห็นภาพดังกล่าวเป็นอย่างมาก
เบื้องต้น ทราบว่าเจ้าของรถยนต์คันนี้คือ นายประเสริฐ ผนึกทอง วัย 49 ปี ซึ่งเป็นชาว จ.ระยอง บอกว่าในความเป็นจริงแล้วรถยนต์คันนี้ไม่ได้เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนอย่างที่ทุกคนเห็น แต่เป็นเพราะรสนิยมส่วนตัวของตนเองที่ไม่ชอบทำอะไรเหมือนใครจึงลองใช้โคลนผสมดินเหนียวมาปะทั่วตัวรถเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้แก่รถยนต์ของตนเอง
โดยในครั้งแรกตั้งใจเพียงแค่ว่าจะสร้างสีสันบนท้องถนนซึ่งก็สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่พบเห็นได้จริงๆ เพราะเมื่อเดินทางไปที่ใดก็จะมีคนเดินเข้ามาขอถ่ายภาพและต่างพากันหัวเราะชอบใจเมื่อรู้ว่ารถไม่ได้เปื้อนโคลนจริง
นายประเสริฐ ยังบอกอีกว่า ขณะนี้ตนเองยังไม่คิดที่จะล้างโคลนออกจากรถเพราะต้องการให้เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน และหากตัวโคลนที่นำมาแปะไว้หลุดไปก็จะนำโคลนใหม่มาปะเพิ่มลงไปอีก
“ช่วงคืนก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้านที่เห็นรถคันนี้ขับออกมาจากป่ารกข้างถนน ก็ออกอาการสะดุ้งตกใจกลัวรีบขี่จักรยานหนี จนต้องรีบบีบแตรเปิดกระจกเพื่อขอโทษเขาไปเพราะไม่คิดว่าจะทำให้เขาตกใจแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดแล้วยังอดขำไม่ได้”
และยังบอกอีกว่า เนื่องจากตนเองทำธุรกิจส่วนตัวที่มีทั้งอพาร์ตเมนต์ให้เช่าและเต็นท์รถมือ 2 ใน จ.ระยอง อีกทั้งใช้ชีวิตตัวคนเดียวเพราะไม่มีครอบครัว จึงสามารถทำในสิ่งที่ชอบได้ โดยเฉพาะการทำอะไรที่ไม่เหมือนใคร และก่อนหน้านี้ ก็เคยมีผู้ที่เข้ามาขอถ่ายรูปรถและบอกถึงความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นรถคนนี้ว่าสุดยอดมากและไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและประชาชนที่เดินผ่านไปมา เมื่อได้เห็นรถคันนี้แล้วจะพากันเดินปรี่เข้ามาขอถ่ายรูป ซึ่งตนเองรู้สึกดีใจที่สามารถเรียกรอยยิ้มให้แก่ผู้คนที่พบเห็นได้ ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในภาวะความซบเซาทางเศรษฐกิจที่สร้างความเงียบเหงาให้แก่สถานประกอบการต่างๆ ในเมืองพัทยา
