กาญจนบุรี - เตรียมพัฒนาเกาะมะพร้าวกะทิ-เกาะปาล์ม กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ หลังกรมอุทยานฯ ยึดคืนจากนายทุน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.สังขละบุรี
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยหลังจากนั่งเรือสำรวจเกาะมะพร้าวกะทิ-เกาะปาล์ม หลังจากยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มนายทุนพบว่า เกาะทั้ง 2 แห่ง คดีสิ้นสุดแล้ว เป็นที่น่ายินดีว่าทั้ง 2 เกาะยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 100% การที่ทางกรมอุทยานฯ จะวางแผนในการที่จะพัฒนาพื้นที่ 2 เกาะนั้นคงต้องนำเรื่องราวไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการหลายฝ่ายก่อน เพราะเกาะนี้ยังมีมะพร้าวกะทิอยู่หลายพันต้นด้วยกัน
ดังนั้น หากจะมีการปรับปรุงเพื่อหาประโยชน์ในพื้นที่บริเวณนี้ จะต้องมีแผนดำเนินการว่าจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในลักษณะใด ซึ่งจากระบบนิเวศของเกาะมะพร้าวกะทิ และเกาะปาล์ม มีมานานหลายสิบปีแล้ว ฉะนั้นการที่กรมอุทยานฯ จะเข้ามาหาประโยชน์หรือทำอะไรจะต้องดูให้ดีและต้องร่วมกันพิจารณากับหลายฝ่าย
ด้าน นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เผยถึงพื้นที่เกาะกลางน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ทั้ง 2 เกาะ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดคืนจากนายทุนชาว จ.สุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่รวมกันกว่า 500 ไร่ โดยเกาะแรก ปลูกมะพร้าวกะทิ เกาะที่ 2 ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งทั้ง 2 เกาะตั้งอยู่บริเวณกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ท้องที่หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี
โดยอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้ดำเนินคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มนายทุนรวม 2 คดี จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดดำเนินคดีต่อกลุ่มนายทุนบุกรุกเกาะมะพร้าวกะทิ และเกาะปาล์มน้ำมัน โดยเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2559 ได้ตรวจยึดพื้นที่เกาะปาล์มน้ำมัน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ เนื้อที่ 230 ไร่ ซึ่งทำการปลูกปาล์มน้ำมัน ประมาณ 2,000 ต้น และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามคดีอาญาที่ 27/2559 ผู้ต้องหาคือนายจิตติ รัตนเพียรชัย พร้อมพวก 5 คน และอุปกรณ์การกระทำผิด 9 รายการ
และอีกคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดดำเนินคดีต่อกลุ่มนายทุนที่บุกรุกเกาะมะพร้าวกะทิ บนเกาะกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ เนื้อที่ 339 ไร่ ซึ่งทำการปลูกมะพร้าวกะทิมากกว่า 2,000 ต้น และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2559 คดีอาญาที่ 52/2559 ผู้ต้องหาคนเดียวกัน คือ นายจิตติ รัตนเพียรชัย และพวกรวม 3 คน อุปกรณ์การกระทำผิด 10 รายการ
ซึ่งผลคดีเกาะปาล์มน้ำมัน ศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2560 ว่าจำเลยทั้ง 5 มีความผิด ลงโทษจำคุกคนละ 15 ปี ส่วนผลคดีเกาะมะพร้าวกะทิ ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2560 ว่าจำเลยทั้ง 3 คน มีความผิด ลงโทษจำคุกคนละ 15 ปี ศาลให้นับโทษต่อกัน 2 คดี รวม 30 ปี
โดยจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 กระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้เปลี่ยนคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดทั้ง 2 คดี ลงโทษจำคุกคดีละ 5 ปี นับโทษต่อกัน รวม 10 ปี ส่วนลูกน้องนายจิตติ รัตนเพียรชัย ที่เป็นแรงงานชาวพม่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ต่อมา โจทก์และจำเลยยื่นต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุกนายจิตติ รัตนเพียรชัย นับรวมกัน 2 คดีเป็นเวลา 10 ปี โดยวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยไม่ได้เดินทางมาที่ศาล ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในทางลับ จึงถือว่าคดีนั้นสิ้นสุดแล้ว
ส่วนคดีแพ่งที่อุทยานฯ เขาแหลมยื่นฟ้องคดีแพ่ง เกาะปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 300-3-00 ไร่ ค่าเสียหาย 17,490,872 บาท และเกาะมะพร้าวกะทิ เนื้อที่ 311-1-00 ไร่ ค่าเสียหาย 18,800,034 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้นของทั้ง 2 คดีเป็น 36,290,906 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างฎีกา
ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นเป็นคดีที่สำคัญคดีหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ที่กรมอุทยานฯ ต่อสู้กับกลุ่มนายทุนมานานหลายปี และในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกต่อนายทุนรายใหญ่