ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เปิดตัว “ชยธร” นักธุรกิจหนุ่มวัย 29 ปี ทายาทรุ่น 3 ตระกูลอุเทนพัฒนันท์ หลานปู่ “ยศ” ดีลเลอร์รถยนต์ที่รู้จักกันดีในชื่อ “อาร์เฮงวัฒนา” เผยหลังจบ ป.โทจากจีนขึ้นนั่งเอ็มดี ขายรถ MG แข่งกับอีกหลายยี่ห้อ แต่ด้วยใจรักงานค้ารถยนต์มาแต่เด็ก สามารถทำยอด MG แจ้งเกิดในตลาดขอนแก่นสำเร็จ
ในแวดวงธุรกิจค้ารถยนต์ในจังหวัดขอนแก่น ชื่อของ “อาร์เฮงวัฒนา” จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในกลุ่มดีลเลอร์ ตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์เก่าแก่ในพื้นที่ภาคอีสาน อาร์เฮงวัฒนาเป็นโชว์รูมขายรถยนต์หลายยี่ห้อมานานหลายสิบปี จากยุคเริ่มต้นที่บริหารงานโดย “ยศ อุเทศพัฒนันท์” ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์แรก “โอเปิล” ในปี 2532
ตามมาด้วยการเปิดโชว์รูมขายรถยนต์จากค่ายเกาหลี คือ “ฮุนได” ไดฮัทสุ, เชฟโรเลต ฯลฯ ตามลำดับ แต่ละยี่ห้อสามารถเจาะตลาดทำยอดขายได้ทะลุเป้าจนสามารถขยายโชว์รูมไปยังพื้นที่รอบนอกอีกหลายอำเภอ ไปที่ไหนก็มีป้ายอาร์เฮงวัฒนาให้เห็นจนคุ้นตา
ข้อได้เปรียบที่ทำให้อาร์เฮงวัฒนาประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถยนต์ในห้วงนั้น เพราะมีฐานลูกค้ารถยนต์มือสองอยู่ในมือจำนวนไม่น้อย เต็นท์ขายรถมือสองเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ยศบุกเบิกมากับมือ
อย่างไรก็ตาม ราว 10 ปีที่ผ่านมา การบริหารงานธุรกิจค้ารถยนต์ของอาร์เฮงวัฒนาภายใต้การนำของยศ ได้ผ่องถ่ายต่อให้แก่บุตรชายคนโต คือ พงศ์ธร อุเทนพัฒนันท์ เป็นหัวแรงหลักดูแลธุรกิจตัวแทนค้ารถยนต์ทั้งหมดมาจนถึงปัจจุบัน และบุคคลสำคัญที่เข้ามาช่วยผ่อนแรงให้พงศ์ธรได้มากในภาวะที่ธุรกิจค้ารถยนต์มีการแข่งขันสูง คือ “ชยธร อุเทนพัฒนันท์” หรือบอม หนุ่มวัย 29 ปี บุตรชายคนกลางของเขา และเป็นหลานปู่ของยศ
ชยธร เป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของ “อุเทนพัฒนันท์” คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง จบการศึกษาจากต่างประเทศ เตรียมพร้อมรับช่วงดูแลธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของครอบครัวในอนาคตอันใกล้นี้อย่างเต็มตัว เพราะสมรภูมิการค้ารถนับวันทวีความรุนแรง ไม่แค่แข่งขันช่วงชิงยอดขายจากยี่ห้ออื่นที่เป็นคู่แข่งในตลาดเท่านั้น ยังต้องชิงไหวชิงพริบกับดีลเลอร์อื่นจากค่ายเดียวกันในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย
ปัจจุบัน ชยธร นั่งบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท MG ขอนแก่น อาร์เฮงวัฒนา จำกัด การเข้ามาปั้นยอดขายให้รถยนต์ MG ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แม้ MG จะเป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษ ภาพลักษณ์ดี แต่ก็เป็นแบรนด์ใหม่เพิ่งเข้ามาทำตลาดเมืองไทยเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่สำคัญ MG ยุค 5G มีทุนจีนเข้าไปเทกโอเวอร์เป็นเจ้าของ 100% เป็นโจทย์ใหญ่ที่เขาจะต้องดันแบรนด์ MG ให้แจ้งเกิดในตลาดหัวเมืองอย่างขอนแก่นให้ได้
ขณะเดียวกัน ชยธรก็ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลดีลเลอร์รถยนต์แบรนด์ดั้งเดิมที่ตระกูลอุเทนพัฒนันท์เป็นตัวแทนขายมานานมากกว่า 25 ปีแล้ว นั่นคือรถยนต์ฮุนได และซูซูกิ สองแบรนด์หลังนี้ แม้บิดา พงศ์ธรยังเป็นผู้บริหารหลัก แต่ชยธรก็มีบทบาทไม่น้อย
ชยธร มีดีกรีทางการศึกษาที่ถือว่าเหมาะมาก ต่อการบริหารธุรกิจการค้ารถยนต์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการตลาด จากวิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล จากนั้นไปเรียนต่อระดับปริญญาโทด้านการจัดการ จาก ลิเวอร์พูล ยูนิเวอร์ซิตี้ วิทยาเขตซูโจ สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังเรียนจบก็ก้าวสู่สังเวียนค้ารถยนต์ในปี 2560 ทันที
มุมมองและทัศนคติของเขาที่มีต่อแบรนด์รถยนต์ MG นั้นถือว่าอยู่ในระดับชื่นชอบหรือศรัทธาเลยก็ว่าได้ จากประสบการณ์ที่เรียน ป.โท ในจีนแผ่นดินใหญ่หลายปี ทำให้รู้ซึ้งว่าเทคโนโลยียานยนต์จของจีนนั้นไม่ด้อยกว่าเทคโนโลยีของแถบอเมริกา ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ข้อมูลน่าสนใจ ชยธร บอกไว้ว่า จีนนั้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสูงมาก มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องกับเทคโนโลยีหลายด้าน จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยียานยนต์วันนี้ จีนดีกว่าฝั่งตะวันตกเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ชยธรเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาสามารถปลุกเร้าทีมขาย และส่วนงานบริการที่เกี่ยวข้อง จนทำให้รถยนต์ MG เป็นที่รู้จักกับผู้ใช้รถ จ.ขอนแก่น และทำให้รถยนต์ MG ออกมาโลดแล่นพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนของหัวเมืองใหญ่แห่งภาคอีสาน
นั่นก็มาจากความตั้งใจของหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่คนนี้ที่พยายามรุกตลาดทำยอดขาย MG ตีตื้นสู้กับเจ้าตลาดรถยนต์หลายยี่ห้อจากแดนปลาดิบ และทำให้ยอดขายรวมรถยนต์ MG ทั้ง จ.ขอนแก่น ติดอันดับ 5 ได้แล้ว และพร้อมรุกต่อให้ MG สามารถขึ้นแท่นติดอันดับท็อป 3 ให้ได้ในปี 2564 นี้
“ตั้งแต่จำความได้ ผมคลุกคลีและเติบโตมากับการค้ารถตั้งแต่เด็ก เห็นปู่ เห็นพ่อ ขายรถ รู้เลยว่าเราจะไปทางไหน จึงเลือกเรียนสาขาที่ชอบ ส่วนตัวรู้สึกผูกพันกับการขายรถ เพราะการค้ารถยนต์ทำให้เรามีอยู่มีกิน รู้สึกรักธุรกิจนี้จนซึมเข้าไปข้างใน อยากทำให้ดีขึ้นจากรุ่นปู่ รุ่นพ่อ” ชยธรเล่าย้อนถึงภาพความทรงจำสมัยยังเป็นเด็ก
กลยุทธ์การบริหารงานค้ารถยนต์ให้ได้ตามเป้านั้น ชยธรเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ก่อนอื่นต้องให้พนักงานมีความสุข คนเราจะทำงานได้ดี พื้นฐานสำคัญต้องมีความสุข เมื่อข้างในหรือใจของเรามีความสุข เราก็อยากจะทำงานในวันนั้นๆ ให้ออกมาดีที่สุด เซลล์ขายรถก็เช่นกันต้องมีแรงผลักดันให้ปิดงานขายให้ได้มากที่สุด
ชยธรบอกถึงสไตล์การทำงานของเขานั้น มองพนักงานทุกคนทุกแผนกเหมือนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ไม่ใช่เจ้านายสั่งงานลูกน้อง คุยกันได้อย่างเปิดใจ มีปัญหาก็ช่วยกันแนะนำช่วยกันแก้ และเขาก็มองว่า การทำงานไม่จำเป็นต้องอยู่ออฟฟิศหรือเข้างานมาแต่เช้า แต่ไม่มีอะไรใหม่ในงานที่ทำ ไม่อยากให้นั่งเครียดในออฟฟิศ
“บางทีผมเห็นพนักงานเครียด ก็เปิดโอกาสให้ไปเที่ยวพักผ่อน ไปชาร์ตแบตไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เชื่อไหมขณะที่พวกเขาพักผ่อนไม่ว่าจะริมทะเลหรือบนเขา พวกเขาสามารถปิดจ็อบขายรถ ทำยอดให้บริษัทได้ ทั้งที่ไม่ได้นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน”
ชยธรบอกอีกว่า ทิศทางการทำธุรกิจค้ารถยนต์ในอนาคต “อาร์เฮงวัฒนา” คงไม่หยุดไว้แค่ 3 แบรนด์หลักที่ทำอยู่นี้ ในอนาคตเขาพร้อมจะเสนอตัวเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกหลายค่าย ที่มีความเป็นไปได้ทางตลาด ที่มองไว้เบื้องต้น คือ Great Wall Motors (GWM) ผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ รถกระบะ และรถบรรทุกใหญ่ที่สุดของจีน
ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง วางเป้าเป็นฐานการผลิตรถยนต์กระบะ เพื่อจำหน่ายในไทยและส่งออกทำตลาดทั่วอาเซียน ต่อมาคือรถยนต์ยี่ห้อ “Proton” เดิมเป็นรถยนต์สัญชาติมาเลเซีย แต่ล่าสุดได้ถูกกลุ่ม Geely Auto ผู้ผลิตรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่เข้าไปร่วมทุน ซึ่งโปรตอนก็เป็นรถยนต์อีกค่าย ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดใหม่ในเมืองไทยเร็วๆ นี้ โดยทางอาร์เฮงวัฒนาจะขอเสนอไปเป็นตัวแทนจำหน่ายใน จ.ขอนแก่นด้วยเช่นกัน
ชยธรย้ำว่า สำหรับเขาแล้วถือเป็นความท้าทายใหม่ที่จะได้นำสินค้ายานยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ เข้ามาชิงแชร์ตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่งหลากหลายแบรนด์...เพราะถ้าไม่เริ่มก็ไม่เห็นความสำเร็จ!!
