ราชบุรี - ทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ สนธิกำลังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ ตม. อส. บุกจู่โจม 3 จุด จับชาวพม่า 9 คน ผู้ใหญ่ 7 เด็ก 2 ที่หมู่ 1 ต.บ้านคา อ.บ้านคา ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สอบประวัติ กักตัวตรวจโรคโควิด-19
วันนี้ (9 ก.ย.) นายมนตรี โภคานิตย์ ปลัดอำเภอบ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี สนธิกำลังร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการที่ 3 สวนป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านคา เจ้าหน้าที่ ตม. และอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.บ้านคา เข้าจู่โจมปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด บริเวณหมู่ที่ 1 ต.บ้านคา อ.บ้านคา หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวชาวพม่ามีทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก ลักลอบเข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ปฏิบัติการตรวจค้นรวม 3 จุด ในพื้นที่เป้าหมายมีลักษณะเป็นห้องแถวแบ่งออกเป็น 2 แถว โดยจุดที่ 1 พบชาวพม่าพักอาศัยอยู่จำนวน 3 คน จุดที่ 2 เป็นสวนยางพาราไม่พบเป้าหมาย และจุดที่ 3 พบชาวพม่าพักอาศัยอยู่จำนวน 4 คน เด็กอีกจำนวน 2 คน รวม 9 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้หลบหนีไปได้ 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้กักตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้แพทย์จากโรงพยาบาลบ้านคามาซักประวัติ ตรวจสารคัดหลั่งโรคโควิด-19 เพื่อส่งผลตรวจไปที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี
นายมนตรี โภคานิตย์ ปลัดอำเภอบ้านคา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีการพบเอกสารในตัว สอบถามทราบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้เพิ่งลักลอบเข้ามาได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติเส้นทางไหน ซึ่งหลังจับกุมทั้งหมดจึงนำตัวมากักบริเวณไว้บริเวณพื้นที่ของอำเภอเพื่อรอผลตรวจยืนยันผล หากผลตรวจไม่พบโรคโควิด-19 ก็จะดำเนินการบันทึกจับกุมข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว (พม่า) เข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 กันยายน ทางเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังสามารถจับกุมผู้ลักลอบชาวพม่าเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติได้ที่บริเวณหมู่ 13 ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จำนวน 5 คน นำทั้งหมดตรวจหาโรคโควิด-19 ไม่พบโรคดังกล่าว ซึ่งพื้นที่ อ.บ้านคา และ อ.สวนผึ้ง มีแนวเขตติดต่อระหว่างชายแดนไทยและประเทศพม่า มีช่องทางธรรมชาติรวม 13 ช่องทางในพื้นที่