ประจวบคีรีขันธ์ - ฝ่ายความมั่นคงประจวบฯ เร่งล้อมรั้วลวดหนามชายแดนไทย-พม่า ป้องกันแรงงานเถื่อนลักลอบข้ามแดน เฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 จากรัฐยะไข่ระบาดรอบ 2
วันนี้ (2 ก.ย.) จ่าเอกแก้ว คงวงษ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ จันทร์แก้ว ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจกองร้อย ตชด.146 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ติดตั้งล้อมรั้วลวดหนามที่ช่องทางธรรมชาติ บริเวณช่องศาลเจ้าพ่อหินกอง สันแนวเทือกเขาตะนาวศรี หมู่ 5 บ้านหนองเสือ ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งเป็นเส้นทางเดินทางที่ชาวพม่าลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทย ห่างจากตีนเขาประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเดินกว่า 30 นาที เนื่องจากเป็นทางชันขึ้นเขา โดยใช้รั้วลวดหนามหีบเพลงติดตั้ง จำนวน 3 ชั้น ระดับความสูงประมาณ 1.2 เมตร ซึ่งวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ล้อมรั้วช่องทางธรรมชาติที่ช่องศาลเจ้าพ่อและช่องหุบผึ้ง และจากการสำรวจพบว่ามีช่องทางธรรมชาติ จำนวน 47 แห่ง ใน 8 อำเภอที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ทยอยล้อมรั้วลวดหนามตามจุดเสี่ยงต่างๆ แต่ยังคงมีความพยายามของแรงงานต่างชาติในการค้นหาเส้นทางใหม่เพื่อลักลอบเข้าประเทศ
ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ให้จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 10 จังหวัด และมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ให้ระมัดระวัง ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จากรายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อในรัฐยะไข่ เมืองชิตตะเว สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า จากการระบาดระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นเมืองเอก จนทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองชิตตะเวอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ จ่าเอกแก้ว คงวงษ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบลวดหนามให้ผู้ใหญ่บ้าน นำชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กรมการปกครอง สำรวจพื้นที่เสี่ยงที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ที่อาจมีแรงงานต่างชาติเล็ดลอดเข้ามาได้ ให้กั้นรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศอีกทางหนึ่ง