เชียงใหม่ - กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวแฉเตรียมยกขบวนขึ้นโรงพักเชียงใหม่แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อแม่อดีตมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 หลังหลอกชักชวนลงทุนธุรกิจโมเดลลิ่งและงานถ่ายโฆษณาให้สินค้าชื่อดัง ทำสูญรวมหลายล้านบาท
กลุ่มผู้เสียหายที่จังหวัดเชียงใหม่ร้องขอความเป็นธรรมว่าได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งมีการรวมตัวกันและรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ นางสาวภิญ..(นามสมมติ) อายุ 49 ปี แม่ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 หลังจากได้ชักชวนผู้เสียหายรายต่างๆ ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจโมเดลลิ่งและรับงานถ่ายโฆษณาให้กับผลิตภัณฑ์ชื่อดังตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นมา
โดยอ้างว่าสามารถหางานจากผู้ว่าจ้างได้ แต่ขาดเงินที่จะต้องนำไปใช้จ่ายเป็นค่าจ้างล่วงหน้าให้ดารานักแสดงเพื่อเป็นการจองตัว ซึ่งเมื่อได้รับเงินค่าจ้างแล้วจะคืนให้พร้อมกำไร
ทั้งนี้ ด้วยความน่าเชื่อถือว่าเป็นแม่ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์และปัจจุบันเป็นดารานักแสดงด้วย จึงร่วมลงทุนโดยการโอนเงินจากจังหวัดเชียงใหม่ให้เข้าบัญชีธนาคารที่อยู่กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าต่อมาไม่ได้รับเงินคืนเลย มูลค่าความเสียหายรวมกันหลายล้านบาท แม้จะพยายามติดตามทวงถามตลอด แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงและยังท้าทายให้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
นางฟ้า (นามสมมติ) อายุ 54 ปี อาชีพนักธุรกิจ ชาวจังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับนางสาวภิญ..(นามสมมติ) มานานนับสิบปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ลูกเขาจะได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์และเข้าวงการบันเทิง ต่อมาเมื่อช่วง ม.ค. 63 เขาได้มาชักชวนให้ร่วมลงทุนดังกล่าว พร้อมทั้งมีการนำผลงานตัวอย่างของลูกสาวและเอกสารจ้างงานมาให้ดู
ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้มากยิ่งขึ้นจากเดิมที่ไว้วางใจอยู่แล้วเพราะเป็นแม่ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ทำให้มองว่าไม่น่าจะเอาชื่อเสียงของลูกสาวมาทำให้เสื่อมเสีย จึงตัดสินใจร่วมลงทุนโดยการโอนเงินให้เข้าบัญชีธนาคาร ทุกครั้งที่อ้างว่าได้รับงานและชักชวนลงทุน ระหว่าง ม.ค.-เม.ย. 63 รวมทั้งสิ้นเกือบ 20 ครั้ง จำนวนเงินต่ำสุดหมื่นกว่าบาท และสูงสุดกว่า 5 แสนบาท โดยตัวเองร่วมลงทุนและโอนเงินให้ไปรวมทั้งสิ้นกว่า 3.25 ล้านบาท ได้คืนมาบางส่วนในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่ยังคงค้างอยู่อีกเกือบ 2.4 ล้านบาท
ในช่วงหลายเดือนมานี้ได้พยายามทวงถามอยู่ตลอด แต่ถูกบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยง อ้างว่ายังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง และขาดการติดต่อไป เมื่อถามไปทางลูกสาวก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น นอกจากนี้ยังปรากฏว่านางสาวภิญ..ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวผ่านคนรู้จักและมีการท้าทายผ่านคนรู้จักให้ตัวเองไปแจ้งความด้วย
ทั้งนี้ ตนได้ลองติดต่อสอบถามไปทางเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 2 แห่งด้วย เพื่อตรวจสอบว่ามีการจ้างงานตามที่อ้างหรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่มีการจ้างงาน จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกลวงแล้ว ขณะที่ต่อมาทราบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นอีกที่โดนแบบเดียวกัน จึงพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และทำให้ทราบว่ามีการนำเอกสารที่อ้างว่าได้รับจ้างงานที่ไม่เป็นจริงชุดเดียวกันไปใช้ซ้ำเพื่อชักชวนหลายคนด้วย ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้เสียหายรายอื่นๆ จึงมีการรวมตัวกัน และได้ปรึกษาทนายความแล้ว เตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อนางสาวภิญ...ในสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน นางสวรรค์ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า รู้จักกับนางสาวภิญ..ที่สตูดิโอสอนเดินแบบแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ที่เพื่อนเป็นเจ้าของ เมื่อครั้งที่นางสาวภิญ..พร้อมลูกสาวมาร่วมงานสอนของสตูดิโอ ส่วนความเสียหายของตัวเองนั้นเป็นเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 5 แสนบาท หลังจากที่ได้รับการชักชวนและเริ่มลงทุนด้วยเมื่อช่วง มิ.ย. 63 ต่อเนื่องมาประมาณ 2 เดือน โดยโอนเงินไปให้ 12 ครั้ง และไม่เคยได้รับคืนแม้แต่บาทเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก
เพราะเงินจำนวนนี้มีการวางแผนใช้จ่ายไว้อยู่แล้ว ซึ่งทุกอย่างต้องผิดแผนไปหมด แม้กระทั่งการจ่ายค่าเทอมลูก ทั้งที่ตัวเองได้แจ้งแล้วว่าจำเป็นต้องใช้และรับปากว่าจะโอนมาให้ แต่สุดท้ายก็ผิดสัญญาทั้งที่ตัวเองไปรอจ่ายเงินอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติที่ลูกเรียนแล้ว ซึ่งผิดหวังและเสียความรู้สึกมาก เพราะเชื่อถือและไว้ใจมากเนื่องจากเห็นว่านางสาวภิญเป็นแม่ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
นอกจากนี้ นางสวรรค์ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บอกด้วยว่า เชื่อว่าตนเองและผู้เสียหายคนอื่นๆ น่าจะโดนหลอก เพราะพบว่าเอกสารการจ้างงานที่นำมาใช้ชักชวนให้ลงทุนด้วยนั้นเป็นงานเดียวกัน แต่ให้หลายคนโอนเงินเข้าไปให้ ขณะเดียวกันล่าสุดตนได้ติดต่อสอบถามไปที่ผู้จัดการส่วนตัวดาราชื่อดังที่ดูแลดารานักแสดงชื่อดังคนหนึ่งที่ถูกนำชื่อมาอ้างเพื่อตรวจสอบว่าได้รับงานชิ้นหนึ่งหรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่เคยมีการรับงานดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อนางสาวภิญ..ทราบได้โทรศัพท์มาต่อว่าตัวเองด้วยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากความเสียหายที่เกิดขึ้น ตนและผู้เสียหายทุกคนทั้งที่เชียงใหม่, ลำปาง และกรุงเทพฯ ยืนยันที่จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน