จากปรากฏการณ์ “หมอแสง ปราจีนบุรี” สู่ “หมอแสง หมอพื้นบ้าน” ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการใช้สมุนไพรบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็งที่หมดหนทางรักษา ด้วยการเปิดบ้านแจกสมุนไพรฟรีให้แก่ผู้ป่วยและผู้ยากไร้ในทุกวันเสาร์แรกของเดือน จนกลายเป็นกระแสสนใจของผู้คนทั้งในและต่างประเทศ
กระทั่งหน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องประกาศให้เป็นหมอพื้นบ้าน หลังเข้าตรวจสอบกระบวนการผลิตและการใช้ภูมิปัญญาในการบำบัดรักษาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็ง ว่าเห็นผลจริง และนำไปสู่การได้รับรองจาก อย.อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ไม่เพียงเท่านั้น บริษัท เนเจอร์ เฮร์บ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด เอกชนรายเดียวที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ได้รับสูตรการปรุงยาสมุนไพร ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อ “เอ็ม-เฮิร์บ” ที่เปิดจำหน่ายให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งนานกว่าปี วันนี้สามารถลดความแออัดจากการเดินทางมายัง จ.ปราจีนบุรี ของกลุ่มผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างมาก
วันนี้ “หมอแสง หมอพื้นบ้าน” หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปราจีนบุรี ที่เดินทางไกลถึง 13 ปี บนเส้นทางการปรุงสมุนไพรเพื่อใช้บำบัดอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็งจนสามารถเยียวยาและช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งไทยและต่างชาติได้หลายหมื่นคน ยังได้เปิดใจกับ manager online ถึงเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยเบาหวานอีกครั้ง
หมอแสง บอกว่า ความสำเร็จอีกขั้นของการทุ่มเทศึกษาการใช้สมุนไพรบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยคือ การได้รับอนุสิทธิผลิตสมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาโรคมะเร็งในลักษณะทรัพย์สินทางปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ จนทำให้การทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งในวันนี้สะดวกมากขึ้น
โดยตลอดเส้นทางของการใช้ภูมิปัญหาไทยผลิตสมุนไพรช่วยผู้ยากไร้และผู้ไร้หนทางในการรักษาโรคมะเร็ง แม้จะเจอทั้งอุปสรรคและความยากลำบากจากระบบสาธารณสุขและข้อกฎหมายของไทย แต่ก็ไม่เคยท้อถอยเพราะคิดเพียงอย่างเดียวว่าหากตนเองหยุดแล้ว คนยากจและคนที่ไม่มีทางไปต้องลำบากแน่
“แม้วันนี้จะยังไม่มีตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งที่แน่นอนว่ามีจำนวนมากขึ้นเท่าใด แต่ในแง่การบำบัดรักษาผมว่าดีขึ้นเพราะผู้ป่วยมีทางเลือกในการใช้สมุนไพร และตั้งแต่วันแรกจนถึงปีที่ 13 เราได้เห็นพัฒนาการของผู้ป่วยที่ใช้สมุนไพรว่าดีขึ้น แต่ในแง่สาธารณสุขแล้วการต่อยอดและสนับสนุนกลับเป็นเรื่องยาก เพราะระบบสาธารณสุขไทยให้ความสำคัญต่อการรักษา และการใช้ยาแบบตะวันตกมากกว่า”
หมอแสง วิเคราะห์ว่าเหตุที่ระบบสาธารณสุขไทยให้ความไว้วางใจยาจากประเทศแถบตะวันตก อาจเป็นเพราะการเห็นผลที่รวดเร็วเปรียบเทียบได้กับการฆ่าปลวก ซึ่งการใช้ยาฆ่าปลวกได้ตายทันทีและเห็นซากศพที่ชัดเจน
แต่การใช้สมุนไพร เปรียบเสมือนการไล่ปลวกที่ต้องใช้เวลาในการขับไล่ด้วยการค่อยๆ ปรับโครงสร้างความสมดุลของร่างกายเพื่อขับของเสีย ป้องกันไม่ให้สิ่งไม่ดีย้อนกลับมาอีก จึงค่อนข้างเห็นผลช้า
ยังเปิดบ้านแจกสมุนไพรฟรีสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง แม้มีเอกชนช่วยผลิตจำหน่าย
หมอแสง บอกว่า แม้จะมีบริษัทเอกชนเข้ามาช่วยผลิตสมุนไพรเพื่อจำหน่ายสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล แต่ตนเองและทีมงานก็ยังเปิดบ้านใน จ.ปราจีนบุรี แจกจ่ายสมุนไพรรักษามะเร็งให้แก่ผู้ป่วยฟรีในทุกวันเสาร์แรกของเดือนตั้งแต่ 10.00-16.00 น. ซึ่งปริมาณผู้มารอรับยังมีประมาณ 5,000-6,000 คน แต่ระยะเวลาการรอจะสั้นลงจากระบบการจัดการที่ดีทั้งเรื่องคิว และการลงทะเบียนที่ได้รับการช่วยเหลือจากจิตอาสาทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ที่มีประมาณ 200-300 คน
จึงทำให้ภาพของประชาชนที่ต้องตากแดดตากฝนเข้าคิว หรือกางเต็นท์นอนรอรับสมุนไพรไม่มีให้เห็นอีกต่อไป แต่สิ่งที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับหลังการเดินทางมาที่ จ.ปราจีนบุรี คือความสุขที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน
“ในส่วนของยอดจำหน่ายซึ่งบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการนั้นไม่เคยรับรู้ แต่สิ่งที่จะได้จากบริษัทแห่งนี้คือการส่งสมุนไพรที่ผลิตได้ในจำนวนที่ตกลงกันไว้ให้แจกจ่ายประชาชนที่ยากไร้ รวมถึงสนับสนุวัตถุดิบสำหรับผลิตสมุนไพรในบางส่วน”
ข่าวดีผู้ป่วยเบาหวาน!! วันนี้มีสมุนไพรแจกสำหรับผู้ที่อาการหนักแล้ว
และจากการทุ่มเทนานกว่าปีในการคิดค้นสูตรการปรุงสมุนไพรสำหรับรักษาผู้ป่วยเบาหวาน วันนี้ หมอแสง ได้เริ่มแจกจ่ายสมุนไพรให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง และพระภิกษุ รวมทั้งผู้ป่วยในเรือนจำ จ.ชัยนาท ซึ่งพบว่าได้ผลดีเกือบทุกคน โดยสมุนไพรที่ใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งและเบาหวาน จะเน้นที่สรรพคุณในการสมุนไพรรักษาตับอ่อนเป็นสำคัญ
“สมุนไพรไทยที่ใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยเบาหวานคือ สมุนไพรจำพวกแห้วหมู ถั่งเช่า และตัวยาที่ช่วยบำรุงตับอ่อนให้แข็งแรง โดยสมุนไพรที่ใช้จะให้สรรพคุณในการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการบำบัด”
หมอแสง บอกอีกว่า โรคเบาหวานถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวกว่ามะเร็ง เพราะเบาหวานและความดันเป็นโรคที่พบมากในคนไทย ซึ่งในครั้งแรกตนเองได้เริ่มปรุงสูตรเพื่อใช้สำหรับตนเองและคนใกล้ตัวก่อนหลังเห็นว่าได้ผลดีจึงเริ่มผลิตในจำนวน 10,000 เม็ดต่อเดือนเพื่อแจกให้แก่ผู้ป่วยที่มีบาดแผลเน่าและต้องอยู่กับบ้าน
รวมทั้งผู้ป่วยที่มีอาการเบาหวานขึ้นตาและจะแจกเฉพาะวันเสาร์แรกของเดือนพร้อมผู้ป่วยมะเร็งเท่านั้น
“ในวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบเรื่องการผลิตสมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากยังไม่มีการแจกอย่างจริงจัง แต่เนื่องจากประชาชนในพื้นที่เริ่มรู้แล้วจึงเริ่มขอเข้ามารับสมุนไพรเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยบางรายใช้สมุนไพรแค่ 15 วันด้วยการรับประทานครั้งละ 1 เม็ดในช่วงเช้าและเย็นก็เห็นผลแล้ว”
หมอแสง บอกว่า สูตรสมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาโรคเบาหวาน จะยังไม่มีการจดสิทธิบัตรเช่นเดียวกับสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง เพราะไม่ต้องการให้เกิดความยุ่งยากเพราะต้องการแจกจ่ายสมุนไพรให้แก่ผู้ป่วยยากไร้ และไม่มีสิทธิในการเบิกค่ารักษาและค่ายาในโรงพยาบาลเป็นหลัก
ไขข้อข้องใจใช้ทุนที่ไหนปรุงสมุนไพรแจกฟรี
ทั้งนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใด หมอแสง จึงมีทุนทรัพย์ในการผลิตสมุนไพรบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งจนสามารถแจกฟรีได้นานถึง 13 ปี และในวันนี้ยังผลิตสมุนไพรแจกฟรีให้แก่ผู้ป่วยเบาหวานได้อีก
หมอแสง ไขข้อข้องใจว่าเป็นเพราะส่วนหนึ่งเกิดจากทุนทรัพย์ของภรรยา ที่มีฐานะค่อนข้างดี ประกอบกับยังมีกลุ่มเพื่อนที่ให้การช่วยเหลือทั้งทุนทรัพย์ และวัตถุดิบ รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือซึ่งสนับสนุนทั้งตู้อบสมุนไพรและทุนทรัพย์ และในวันนี้ยังคงใช้บ้านที่พักอาศัยใน จ.ปราจีนบุรี เป็นแหล่งผลิต
แถมยังบอกอีกว่า ทั้งหมดเป็นการผลิตด้วยมือทั้งสิ้น และแม้จะมีคนบริจาคเครื่องจักรมาให้ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้เพราะเป็นระบบการผลิตที่ไม่มากนัก
พร้อมยังยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่มีทางขายสูตรสมุนไพรใดๆ ให้แต่างชาติอย่างแน่นอน แต่หากมีบริษัทคนไทยเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายในส่วนสมุนไพรสำหรับบำบัดรักษาผู้ป่วยเบาหวาน ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่ามีความจริงใจมากน้อยเพียงใดและไม่ต้องการให้เป็นเรื่องทางธุรกิจ
“วันนี้อยากให้กระทรวงสาธารณสุข ที่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องแพทย์แผนไทยเข้ามาวิเคราะห์สมุนไพรกันอย่างจริงเพราะของดีในเมืองไทยยังมีอยู่มาก รวมทั้งการผลิตบุคลากรด้านแพทย์แผนไทย ก็น่าจะมีหน่วยงานที่เข้ามารองรับเนื่องจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาในด้านนี้ทั้งที่จริงคือแพทย์ทางเลือก ยังไม่สามารถยกระดับและพัฒนาได้เท่าที่ควร”
และอีกหนึ่งความภูมิใจของ หมอแสง คือการได้รับเชิญจากกองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ให้เข้าไปให้ความรู้ด้านช่างไฟและด้านสมุนไพรแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำชัยนาท เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดโครงการกำลังใจในพระราชดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติตยาภา ในปี พ.ศ.2563 อีกด้วย