ท่าขี้เหล็ก/แม่สาย - สถิติโควิดระบาดระลอกที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ในพม่ายังพุ่งไม่หยุด.. ท่าขี้เหล็ก-หัวเมืองชายแดนรัฐฉานปิดทั้งผับ-เธค-โรงเรียน แต่ยังไม่ห้ามคนออกจากบ้าน ด้านแม่สายต้องบูรณาการกำลังคุมเข้มตลอดแนวพรมแดน
หลังไวรัสโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ในหลายรัฐของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของพม่า รายงานยอดผู้ป่วย Covid-19 จนถึงวานนี้ (29 ส.ค.) เพิ่มขึ้นอีก 90 ราย เป็นยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากในประเทศทั้งหมด ส่วนใหญ่ (86 ราย) ยังคงเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบในรัฐยะไข่ ที่เหลือพบเพิ่มในตองจี รัฐฉาน 1 ราย ภาคมัณฑะเลย์ 1 ราย และย่างกุ้งอีก 2 ราย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยในพม่าที่ได้รับการรักษาหายกลับบ้านได้เพิ่มวันเดียวกันอีก 2 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมในขณะนี้เพิ่มเป็น 733 ราย รักษาหายแล้ว 351 ราย
ขณะที่สถานการณ์ในฝั่งท่าขี้เหล็ก หัวเมืองชายแดนสำคัญของรัฐฉาน-พม่า ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงเป็นไปตามปกติ ผู้คนยังคงใช้ชีวิตไปตลาดและสถานที่ต่างๆ เหมือนเดิม แต่ทางการได้มีการปิดโรงเรียน สถาบันบันเทิง เช่น ผับ ร้านคาราโอเกะ ฯลฯ ทุกจุด แต่ยังไม่มีคำสั่งห้ามออกจากบ้านเรือนเหมือนการระบาดระลอกแรก
ด้าน พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้ประชุมร่วมกับนายอำเภอชายแดนทั้ง 4 อำเภอของ จ.เชียงราย คือ อ.แม่สาย แม่จัน แม่ฟ้าหลวง และเชียงแสน เพื่อสรุปมาตรการการป้องกันตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดการระบาดซ้ำในพม่า
ฝ่ายทหารแจ้งว่า ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มกำลังพลจากเดิมเข้าไปประจำตามแนวชายแดน โดยเฉพาะลำน้ำสายที่เป็นเส้นเขตแดน ทั้งท่าข้ามธรรมชาติ และจุดที่เป็นจุดผ่อนปรนต่างๆ เช่น ท่าข้ามกะหล่ำ ท่าข้าวกำนันนัย ท่าข้ามส้มโอ ท่าข้ามฝายน้ำล้น ท่าข้ามป่าแดง ฯลฯ ตั้งแต่เขต ต.แม่สาย ไปจนถึง ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย ติดต่อกับ อ.เชียงแสน รวมกว่า 15 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งบริเวณท่ากะหล่ำที่ติดลำน้ำสาย เป็นจุดที่มีชาวต่างด้าวพยายามข้ามมาฝั่งไทยถึง 14 ครั้ง รวมผู้ถูกจับกุม 15 คน ท่าข้ามป่าแดง 25 คน ฯลฯ ขณะที่ตัวเลขรวมของผู้ที่ลักลอบเข้ามาระหว่างวันที่ 23 มี.ค. - 26 ส.ค.ได้ 56 ครั้ง ผู้ต้องหา 147 ราย เป็นชาวพม่า 79 ราย ไทย 54 ราย ลาว 12 ราย และจีน 2 ราย
พล.ต.ถนัดพลกล่าวว่า กองกำลังผาเมืองได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังพื้นที่เน้นไปตามป่าเขาและช่องทางธรรมชาติที่อาจจะมีคนลักลอบเข้ามาจำนวนมาก ใช้ทั้งกำลังพลร่วมกันและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เพื่อป้องกันคนไทยให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายทหารนั้นนอกจากจะปฏิบัติการเองแล้วยังขอความร่วมมือไปยังฝ่ายปกครองอำเภอชายแดนต่างๆ ให้ร่วมกับองค์กรของฝ่ายปกครองดูแลบุคคลภายในหมู่บ้านตัวเองเพื่อป้องกันบุคคลแปลกปลอมเข้ามาปะปนอีกด้วย