ศูนย์ข่าวศรีราชา - อดีต ส.ส.ชลบุรี หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน รุดช่วยเด็กชายยอดกตัญญูเท้าขวาพิการนิ้วติดกันหลังเดินเหยียบกองไฟตั้งแต่วัยเพียงขวบกว่า ต้องรับจ้างทำงานก่อสร้างหลังเลิกเรียนแลกเงิน 40 บาท ช่วยแม่เก็บเป็นค่าผ่าตัดเท้า รับปากประสานแพทย์ รพ.ชลบุรี ช่วยดูแล
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Phonhai Phlaygam ได้โพสต์ข้อความวอนผู้ใจบุญให้ช่วยเหลือเด็กชายวัยเพียง 10 ปี ซึ่งเป็นเด็กขยันที่ต้องรับจ้างทำงานก่อสร้างในทุกวันหลังเลิกเรียนแลกกับค่าจ้างวันละ 40 บาท เก็บเป็นเงินค่าผ่าตัดนิ้วเท้าข้างขวาที่มีลักษณะติดกันทั้ง 5 นิ้ว จนทำให้บริเวณเท้าเกิดอาการคันและมีบาดแผลนั้น
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังห้องเช่าไม่มีเลขที่ซึ่งตั้งอยู่ ม.16 ต.หนองเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เพื่อพบกับเด็กชายคนดังกล่าวทราบชื่อคือ ด.ช สุธินันท์ เหลืองอ่อน อายุ 10 ปี และนางพิมพิไล สมบูรณ์ อายุ 29 ปี ผู้เป็นแม่ซึ่งเผยทั้งน้ำตาว่า ลูกชายได้เกิดอุบัติเหตุเดินเหยียบกองไฟตั้งแต่อายุได้เพียงขวบกว่า จนทำให้นิ้วเท้าข้างขวาติดกันและยังมีบาดแผลจากอาการคันอยู่ตลอดเวลา
โดยที่ผ่านมา ตนเองได้พยายามที่จะหาทางรักษาให้เท้าของลูกกลับมาหายดีเป็นปกติ แต่ลูกกลับมีภาวะแทรกซ้อนมาโดยตลอดจนทำให้เกรงว่าแผลที่เท้าจะเกิดการติดเชื้อจนต้องหยุดการรักษาไป ประกอบกับตนเองทำงานโรงงานได้ค่าจ้างวันละ 336 บาท จึงทำให้ไม่มีเงินที่จะพาลูกชายเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล
ซ้ำในทุกวันลูกชายยังต้องสวมร้องเท้าปิดบังความผิดปกติเพราะเกรงว่าจะถูกเพื่อนล้อ จึงทำให้เกิดความสงสารลูกชายเป็นอย่างมาก
นางพิมพิไล ยังบอกอีกว่า ทุกวันหลังเลิกเรียน ด.ช.สุธินันท์ จะเข้าไปรับจ้างทำงานก่อสร้างใกล้บ้านด้วยการช่วยขนหินและทรายแลกกับค่าแรงวันละ 40 บาท เพื่อช่วยเก็บเป็นค่ารักษานิ้วเท้าของตนเอง และส่วนหนึ่งยังนำมาช่วยเหลือครอบครัวในการซื้อกับข้าว รวมทั้งเป็นค่าขนมไปโรงเรียน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็จะออกไปทำงานทั้งวันแลกกับค่าแรง 50-100 บาท
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมหลังทราบข่าว นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เข้าให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการมอบข้าวสารอาหารแห้งให้แก่ ด.ช.สุธินันท์ พร้อมกับเงินจำนวน 5,000 บาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลชลบุรี
และยังรับปากจะเป็นผู้ประสานงานไปทางโรงพยาบาลเพื่อให้ช่วยรักษา เนื่องจากเห็นว่าเป็นเด็กยอดกตัญญู พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลครอบครัวนี้อีกทางหนึ่งด้วย
