เชียงใหม่ - จบด้วยดี! ตำรวจ-อาสาทหารพราน ในคลิปซัดกันนัว ขึ้นโรงพักช้างเผือก ปรับความเข้าใจและจับมือดีกัน ต่างฝ่ายยอมรับอารมณ์ร้อนชั่ววูบ
ความคืบหน้ากรณีโซเชียลมีเดียแชร์คลิปเหตุการณ์ที่ผู้ชายสองกลุ่มลักษณะท่าทางคล้ายคนในเครื่องแบบก่อเหตุวิวาท ท้าทายกัน และทำร้ายร่างกายกัน โดยฝ่ายที่อ้างตัวเป็นตำรวจและเป็นลูกรองผู้ว่าราชการจังหวัด ถูกฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารทำร้ายก่อน เหตุเกิดวานนี้ (19 ส.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น.นั้น
วันนี้ (20 ส.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุนี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ได้เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าพบเพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกัน โดยฝ่ายแรกได้แก่ ส.ต.ท.กาจกมล ต้นตระกูล ผบ.หมู่ ป.สภ.ช้างเผือก และอีกฝ่าย ได้แก่ นายธีรพงศ์ ศิปัญญา อาสาสมัครทหารพราน ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ข้อยุติด้วยดีโดยทั้งสองฝ่ายได้จับมือและกอดกันด้วย
ส.ต.ท.กาจกมลเปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุตนได้ขับรถจะไปทำธุระที่อื่น ได้ใช้เส้นทางดังกล่าว จังหวะพอดีมาสวนกับรถยนต์ของคู่กรณีจึงจอดหลบทางและมีการเปิดไฟสูงใส่กัน จึงเกิดความไม่พอใจประกอบกับในวันนั้นใจร้อนจึงได้ลงจากรถพร้อมกันทั้งคู่มาก่อเหตุตามคลิปดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด ตนเองไปกับเพื่อนแค่ 2 คน ส่วนในคลิปที่เห็นว่ามีคนเยอะเพราะว่ามีผู้คนในบริเวณดังกล่าวออกมาห้ามปรามและช่วยแยก การไกล่เกลี่ยถือว่าจบด้วยดี คู่กรณีได้ชดค่าเสียหายในส่วนสร้อยทองที่ขาดระหว่างทะเลาะวิวาทเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท อย่างไรก็ตาม ตนเองขอโทษสังคมและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงที่ทำให้เดือดร้อนในกลางดึก ครั้งนี้ถือว่าได้รับบทเรียนแล้ว
ด้านนายธีรพงศ์ อาสาสมัครทหารพราน กล่าวว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากความใจร้อนของตนเองที่ไม่พอใจการเปิดไฟสูงใส่กันจึงได้ลงมาทะเลาะวิวาท และขอโทษคู่กรณีด้วยที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จากนี้ถือว่าจบกันด้วยดี ค่าเสียหายได้ชดใช้ตามที่เรียกร้อง ขอโทษประชาชนในบริเวณดังกล่าวที่เสียงดังทำให้เดือดร้อน และจะเก็บเรื่องนี้เป็นบทเรียนในชีวิตว่าต่อไปจะทำอะไรก็ต้องใจเย็น เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก กล่าวว่า ในวันนี้ได้เรียกทั้ง 2 คนเข้ามาไกล่เกลี่ย ทุกฝ่ายก็พอใจกับการไกล่เกลี่ย ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับทั้งคู่ในข้อหาทะเลาะวิวาทรายละ 500 บาท ส่วน ส.ต.ท.กาจกมล ที่เป็นตำรวจในสังกัดของ สภ.ช้างเผือก จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามระเบียบของตำรวจต่อไป
ส่วนที่มีการแอบอ้างว่าเป็นลูกอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง จากการสอบสวนเป็นเพียงการปะทะคารมกันในช่วงเวลานั้นต่างฝ่ายต่างแอบอ้างว่าตนเองใหญ่โต จึงไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นนี้ ขณะที่ประเด็นอาวุธปืนตรวจสอบแล้วไม่มีการชักปืนออกมาแต่อย่างใด ถือว่าเป็นความโชคดีที่ทำให้ไม่มีเหตุการณ์บานปลายไปกว่านี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยินยอมให้เรื่องจบด้วยดี และได้สำนึกผิดที่กระทำการให้สังคมเดือดร้อน
