อ่างทอง - ไฟไหม้บ้านทรงไทย บริเวณริมถนนป่าโมก-บางบาลสายใน หมู่ 5 ตำบลโผงเผง วอด 5 หลัง ทำคนไร้ที่อยู่ 17 คน ซึ่งเป็นวิถีชาวบ้านที่ญาติพี่น้องปลูกอยู่ติดกัน ช่วงเกิดเหตุยายวัย 91 ปี อยู่กับเหลน 3 คน โชคยังดีไร้ผู้บาดเจ็บ
ร.ต.อ.สุทธิ เถื่อนใหญ่ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ป่าโมก เผยว่า เย็นวานนี้ (15 ส.ค.) ได้รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านไม้ทรงไทย จำนวน 5 หลังคาเรือน บริเวณริมถนนป่าโมก-บางบาลสายใน หมู่ 5 ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง จึงประสานรถดับเพลิงองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง จำนวน 7 คันรุดไปที่เกิด เหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ในที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านไม้ทรงไทยที่ปลูกอยู่ติดกัน จำนวน 5 หลังคาเรือน มีชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ช่วยกันขนของออกมาได้บางส่วนและรถดับเพลิงช่วยกันระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลง พบว่า มีเพลิงไหม้วอดเสียหายเหลือเพียงเสาปูน จำนวน 4 หลังคาเรือน ส่วนอีก 1 หลังคาเรือนนั้น มีเพลิงได้ลุกไหม้เสียหายประมาณครึ่งหลัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเชือกมากั้นห้ามบุคลเข้าไปใกล้หวั่นพังลงมา
จาการสอบถามนายสถาพร ฉัตรชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า เพลิงได้ลุกไหม้บ้านไม้ทรงไทยเก่าแก่เสียหาย 5 หลังคาเรือน มีผู้ได้รับผลกระทบไร้ที่อยู่ จำนวน 17 คน มีบ้านเลขที่ 35 ของนางศิริพร หอมบุปผา อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 35/1 ของนายพนา หอมกระแจะ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 35/2 ของนายพิเชษฐ์ ผ่องโอภาส อายุ 46 ปี และอีก 2 หลังคาเรือน ที่ยังไม่ได้ขอบ้านเลขที่ เป็นบ้านของนายอำนาจ วงษ์ชมพู และบ้านของนายมนัส วงษ์ชมพู ซึ่งทั้ง 5 หลังนั้นเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด ที่คนสมัยก่อนจะปลูกบ้านญาติพี่น้องอยู่รวมติดกัน เบื้องต้น ได้รายงานไปทางอำเภอและจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน นายพิเชษฐ์ ผ่องโอภาส อายุ 46 ปี กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่บ้าน ทราบข่าวกลับมาดูพบว่าไฟไหม้วอดเสียหายหมดทั้งหลัง มีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ามีแสงไฟบริเวณบ้านของตนเองก่อนลุกลามขยายวงกว้าง
ทางด้านนางเล็ก ชมวงษ์ อายุ 91 ปี กล่าวว่า ตนเองอยู่บ้านกับเหลน 2 คน โดยอยู่ใต้ถุนบ้าน เมื่อมีแสงไฟลุกขึ้นมาจึงวิ่งหนีออกมาจากบ้าน และมีชาวบ้านเข้าไปช่วยเหลือขนของออกมาได้บางส่วน แต่ยังโชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
