ศูนย์ข่าวศรีราชา - น่าเสียดาย! เพลิงพิโรธโหมลุกไหม้บ้านไม้เก่าแก่ที่ปลูกติดกัน 2 หลัง อายุกว่า 100 ปี ใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี วอดทั้งหลัง ขณะที่เจ้าของบ้านถูกไฟลวกแขน 2 ข้างได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้น คาดไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ได้เกิดเหตุเพลิงไฟไหม้บ้านไม้ 2 ชั้น อายุกว่า 100 ปีจนวอดทั้งหลัง เหตุเกิดในพื้นที่ ม.2 ต.หนองซ้ำซาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี นอกจากนั้น ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นางกุสาวดี เหลืองอ่อน สภาพถูกเปลวไฟลวกที่แขนทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งรักษา
โดยหลังจากได้รับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผู้กำกับการ สภ.บ้านบึง ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ร่วมเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือ ก่อนประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหนองซ้ำซาก เทศบาลเมืองบ้านบึง และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เข้าระงับเหตุ
พบจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นปลูกติดกัน 2 หลัง และเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำสกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดบ้านใกล้เคียงท่ามกลางกระแสลมแรง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่พบว่าเพลิงได้เผาไหม้บ้านจนวอดทั้งหลัง
จากการสอบถาม นายวุฒิชัย จำปาทอง อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านที่อยู่ติดกันกล่าวว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นภายในบ้านที่อยู่หลังใน ก่อนจะเห็นประกายไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ตนเองจึงรีบหนีออกจากบ้านของตนเอง เนื่องจากเกรงว่าเพลิงจะลุกลามมาถึง
ส่วน นางกุสาวดี เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังทำกับข้าวอยู่ชั้นล่าง จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังจากชั้นที่ 2 เมื่อขึ้นไปดูพบว่า เกิดเปลวเพลิงจึงรีบตะโกนบอกคนในบ้านให้ช่วยกันขนของบางส่วนออกมาก่อนที่จะถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด โดยตนเองได้รับบาดเจ็บขณะวิ่งเข้าไปหยิบของมีค่าภายในบ้าน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมเผยว่า เพลิงได้ลุกลามจากชั้นบนจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี และได้มีการแก้ไขดัดแปลงในบางส่วน
อย่างไรก็ตาม จะทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง พร้อมให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งว่าสาเหตุที่แท้จริงเป็นเช่นไร ส่วนค่าเสียหายขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ และต้องรอให้เจ้าของบ้านเดินทางเข้าให้ปากคำอีกครั้ง