กาฬสินธุ์ - ผู้ปกครองนักเรียนชายชั้น ม.5 โรงเรียนประจำอำเภอเขาวง โวยลั่นลูกชายถูกครูตบหน้าและบ้องหู ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ด้านครูฝ่ายปกครองยอมรับทำจริง แต่ไม่ได้ตบแรง เพียงแต่ตบเบาๆ อบรมสั่งสอนตามหน้าที่ครู เนื่องจากทรงผมผิดระเบียบและว่ากล่าวตักเตือนแต่เด็กกลับเถียงไม่ยอมฟัง ซ้ำยังจะชกกลับ
จากกรณีมีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า ลูกชายถูกครูในโรงเรียนตบหน้าและบ้องหู คาดว่าสาเหตุเกิดจากทรงผมผิดระเบียบ ผู้ปกครองรายดังกล่าวมองว่าเป็นการกระทำเกิดกว่าเหตุหรือไม่ ล่าสุด วันนี้ (13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ น.ส.อุ่นเรือน แสนรัง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238 ม.10 ต.กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของโพสต์และเป็นแม่ของนายภาคิน แสนรัง อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเขาวงพิทยาคาร
โดยตัวนายภาคิน นักเรียนที่ถูกตบบ้องหูเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเลิกแถว มีครูผู้ชายฝ่ายปกครองเรียกให้ไปหา บอกว่าทรงผมรองทรงที่ตัดอยู่ผิดระเบียบ ให้ไปตัดแก้มาใหม่ ตนก็ถามว่าให้แก้เป็นทรงอะไร แต่ครูกลับบอกว่าไม่ต้องมาเถียง และพูดว่า “ตบนักเรียนก่อนเกษียณดีไหม”
จากนั้นครูฝ่ายปกครองก็ได้ตบเข้าที่ใบหน้าและหูของตน 1 ครั้ง จนหูอื้อ หลังเกิดเหตุได้ไปถามผู้อำนวยการโรงเรียนว่าการกระทำดังกล่าวรุนแรงไปหรือไม่ และกลับไปที่บ้านและเล่าเหตุการณ์ให้แม่ฟัง
ขณะที่ น.ส.อุ่นเรือน แม่นายภาคิน เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุตนได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายเนื่องจากมีอาการหูอื้อ และปากแตก พร้อมกับเข้าลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ และโพสต์ในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ต่อมาผู้บริหารและครูที่ตบบ้องหูและหน้าลูกชายได้ติดต่อมาเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางครูบอกว่าจะจ่ายเงินทำขวัญให้แก่เด็กจำนวน 3,000 บาท แต่จู่ๆ กลับยกเลิกการพูดคุย และบอกว่าจะไม่คุยหรือเจรจาอีกต่อไป เพราะตนไปโพสต์เฟซบุ๊กก่อน และล่าสุดครูคนดังกล่าวได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับตนเป็นเงิน 300,000 บาท
น.ส.อุ่นเรือนกล่าวว่า ตนอยากขอความเป็นธรรมเนื่องจากกระทำของครูนั้นรุนแรงหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่ ลูกชายอยู่ชั้น ม.5 ได้ตัดผมรองทรง จริงๆ แล้วก็เป็นไปตามที่กระทรวงออกมาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าหากผิดระเบียบจริงๆ ครูก็ไม่น่าจะลงโทษทำรุนแรงโดยการตบเข้าใบหน้าและบ้องหูเด็ก น่าจะตักเตือนก่อน หรือจะลงโทษโดยการทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติหรือทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็ได้ ไม่ควรที่จะรุนแรงเช่นนี้
หลังเกิดเหตุ นอกจากจะไม่มีการพูดคุยแล้วยังมีการฟ้องร้องครอบครัวของตนที่ถูกกระทำอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวตนได้เข้าขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ขณะที่นายสุรพล กันอุปปัด ครูฝ่ายปกครองโรงเรียนเขาวงพิทยาคาร ระบุว่า ทางโรงเรียนมีกฎระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนว่าเด็กนักเรียนชายจะต้องไว้ผมรองทรง อีกทั้งโรงเรียนมีชื่อเสียงในเรื่องกฎระเบียบ รวมไปถึงด้านวิชาการ มีผลงานด้านการจัดการเรียนการสอนดีเด่น
สำหรับวันเกิดเหตุตนเองกำลังคุยกับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งอยู่ที่หน้าอาคารเรียน เพราะเด็กนักเรียนหญิงคนนั้นมีปัญหาจึงได้มาขอคำปรึกษาแล้วตนเองก็เห็นนายภาคินพอดี จึงได้เรียกมาเตือนเรื่องทรงผม และได้บอกว่าทรงผิดระเบียบเนื่องจากเป็นทรงรากไทรและยาว จึงให้ไปตัดมาใหม่ ตนก็บอกเตือนดีๆ แต่เด็กกลับตอบว่าทำไม เพราะอะไรถึงไว้ผมยาวไม่ได้ ตนจึงตบไปที่หน้าเบาๆ ไม่ได้รุนแรงอะไร แล้วนายภาคินก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาเหมือนจะต่อย แต่ตนจับเอาไว้
“ยอมรับว่าได้ตบหน้านักเรียนคนนี้จริง แต่ไม่ได้ทำรุนแรงอย่างที่ผู้ปกครองนำไปโพสต์ เพียงแค่เป็นการอบรมสั่งสอนตามหน้าที่ของครูเท่านั้น” นายสุรพลกล่าว และว่าตนอบรมและสั่งสอนเด็กนักเรียนมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยมีพฤติกรรมหรือกระทำรุนแรงต่อเด็กนักเรียน จะไปถามใครก็ได้ แต่เนื่องจากอยู่ฝ่ายปกครองอาจจะมีการดุว่ากล่าวและเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบบ้าง แต่เป็นหน้าที่ของครูที่อยากให้นักเรียนมีระเบียบวินัย เป็นคนดีเท่านั้น ไม่ได้มีอคติหรือเคยลงไม่ลงมือรุนแรงสักครั้ง เรื่องดังกล่าวตนก็ขอความเป็นธรรมกับผู้ปกครองด้วย ควรที่จะพูดคุยกันเสียก่อน ไม่ใช่นำเรื่องราวไปโพสต์ในโลกโซเชียลฯ อย่างนี้