กาญจนบุรี - พ่อเมืองกาญจน์ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึง 14 หน่วยงาน ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
วันนี้ (2 ส.ค.) นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 17 ประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 8 ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาญจนบุรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทกาญจนบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานจ้าท่าภูมิภาค สาขากาญจนบุรี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาญจนบุรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี ประมงจังหวัดกาญจนบุรี นายอำเภอทุกอำเภอ นายกเทศมนตรีเมืองทุกแห่ง
โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (142/2563) ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00 น. แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นดีเปรสชันแล้ว และกำลังเคลื่อนตัวทางทิตตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน และจะขึ้นฝั่งสารารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน
โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.63 โดยมีพื้นที่ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ดังนั้น เพื่อเป็นการตรียมพร้อมรับสถานการณ์ผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ซึ่งจะมีผลกระทบระหว่างวันที่ 31 ก.ค.ถึงวันที่ 4 ส.ค.จึงขอให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
1.แจ้งประชาชนในพื้นที่ให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และข่าวสารจากทางราชการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนัก ปริมาณฝนตกสะสม โดยพื้นที่ลุ่มต่ำอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง พื้นที่ลาดเชิงเขาอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ให้รีบแจ้งเตือนภัยประชาชนไนพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
2.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย อำเภอ เทศบาลเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยสร้างทาง หน่วยงานชลประทาน หน่วยทหาร หน่วยงานความปลอดภัยทางน้ำ อาสาสมัครองค์กรการกุศล วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์จากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สภาวะอากาศ ปริมาณฝน และปัจจัยสภาพความเสี่ยงในพื้นที่
เพื่อประสานและบูรณาการหน่วยงานเครือข่ายจิตอาสา ภาคเอกชน และให้เตรียมพร้อมทรัพยากรเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยและแผนเผชิญเหตุ รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานบรรเทาภัย อำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชาชนในทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน
3.ให้อำเภอแจ้งเทศบาล ตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ดำเนินการตามข้อสั่งการข้างต้นด้วย และหากมีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนจากพื้นที่เสียงภัยดังกล่าวแล้ว ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่ต้องอพยพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และดำเนินการอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย
และ 4.หากมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ ให้รายงานสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กองอำนวยกรป้องกันและบรรเทาสารารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ทราบภายใน 24 ชั่วโมง ทางหมายเลขโทรศัพท์โทรสาร 0-3451-5998 และ 0-3451-6795