พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจรวบแล้วกระบะปืนดุ ได้พร้อมอาวุธปืน พบก่อเหตุรายวัน ผู้เสียหายแห่ดูตัว ชัดเป็นคนเดียวกันหมด
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว น.ส.กัญจน์ณิชา นวลคล้าย อายุ 28 ปี ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 5 กณ 9096 กรุงเทพมหานคร ถูกไล่ยิงรวมแล้วประมาณ 5 นัด สังเกตเห็นคนในรถกระบะคันดังกล่าวเป็นผู้ชายผมสั้น ผิวดำแดง ใส่แว่นตาสีดำ และมีปลายกระบอกปืนโผล่ มีควันลอยออกมา แต่ด้วยความตกใจ และรีบหนีเอาชีวิตรอด ตนเองจึงจำยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนไม่ได้
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน เพื่อเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้องมาทำงานทุกวัน ขับรถต้องหวาดผวา และระแวงกับเหตุการณ์นี้ และฝากขอให้รถที่ขับเมื่อช่วงเช้าเวลา 07.40 น.รถที่ติดอยู่ที่สะพานยูเทิร์น ขอความกรุณาถ้ามีกล้องหน้ารถ เพราะรถยนต์ของตนเองมีแต่กล้องด้านหน้าบันทึกได้แต่เสียงปืน ไม่มีกล้องหลังรถเลยไม่เห็นรถยนต์กระบะคันที่ก่อเหตุ
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธานินทร์ ผิวละเอียด ผกก.สืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หลังจากการออกหาข่าวจนสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ในชุมชนการเคหะ ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเข้าจับกุม นายพงษ์ศักดิ์ ดาวใหญ่ อายุ 36 ปี ชาวอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ในชุมชนการเคหะ พร้อมรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ตอนเดียว สีขาว มีตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน บว 3499 พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้ในการก่อเหตุ และอาวุธปืนขนาด .22 แบบไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก กระสุน ปลอกกระสุนปืนจำนวนมาก
จากการสอบสวน นายพงษ์ศักดิ์ อ้างว่าโดนขับรถปาดหน้าลักษณะแบบแซงกัน จึงก่อเหตุโดยการเปิดกระจกหยิบปืนขึ้นมาขู่ ถ้ายังไม่เลิกจะมีการยิงขู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งพร้อมกับตั้งข้อหาตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พอผู้เสียหายต่างทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ ต่างเดินทางมาดูตัว ทั้ง น.ส.กัญจน์ณิชา นวลคล้าย ที่ถูกไล่ยิงเมื่อวานยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกัน รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ ต่างเดินทางเข้ามาดูหน้ากันอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักษณะนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งในหลายพื้นที่ มีทั้งการหยิบปืนขึ้นมาขู่ และยิงขึ้นฟ้า
น.ส.กัญจน์ณิชา ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วจนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุรายนี้ได้ ไม่เช่นนั้นต้องอยู่อย่างหวาดระแวง อีกทั้งพอมาเจอผู้เสียหายรายอื่นที่โดนในลักษณะคล้ายกันทำให้รู้ว่า ชายคนนี้เป็นคนอันตราย ไม่เคยคิดว่าจะมีคนลักษณะแบบนี้ ดูแล้วเป็นอันตรายต่อสังคม
ด้าน นายศิขเรศ ธนพาณิชย์วัฒนา อายุ 42 ปี ผู้เสียหายอีก 1 ราย ที่ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะอิน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 กล่าวว่า ตนเองพร้อมครอบครัวกำลังเดินทางไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ขับมาบนถนนสายเอเชีย ก็ถูกกระบะคันดังกล่าวปาดหน้า จังหวะนั้น ตนจึงแซงขวาและปาดเข้ามาเลนเดิมเพื่อจะเข้าช่องทางของห้างสรรพสินค้า ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตนจึงบอกให้ภรรยาและลูกหมอบก่อนขับรถหนี และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด โชคดีกล้องสามารถจับภาพรถยนต์กระบะคันที่ก่อเหตุไว้ได้ จึงได้นำมาเป็นหลักฐาน ดีใจที่ตำรวจสามารถจับตัวได้ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ นายศรัน อานามนารถ อายุ 25 ปี ชาวอำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักษณะลงมาจากรถเดินเข้ามาแบบประชิดตัวพร้อมควักปืนออกมา ซึ่งตนเองไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน รู้สึกโล่งใจที่ตำรวจจับได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น และทำการส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา อีกครั้ง เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งเตรียมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน รวมถึงติดตามผู้เสียหายรายอื่น หลังทราบว่ามีผู้เสียหายนับสิบรายที่ถูก นายพงษ์ศักดิ์ ก่อเหตุลักษณะคล้ายกันก่อนหน้านี้ในหลายพื้นที่ ทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง