xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกร “หม่อนไหม” ยิ้มออกรัฐ-เอกชนหนุนตลาดรังไหมซื้อขายล่วงหน้าสร้างรายได้หลักแสน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น่าน - อธิบดีกรมหม่อนไหมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามทำข้อตกลงและสัญญาการซื้อขายรังไหมล่วงหน้าระหว่างกลุ่มเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจังหวัดน่าน เชียงราย และพะเยา ร่วมกับบริษัทจุลไหมไทย จำกัด เชื่อการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสามารถสร้างอาชีพมีรายได้หลักแสน


นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านหม่อนไหม “เกษตรแปลงใหญ่ไหมอุตสาหกรรม” ซึ่งจัดโดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ เขต 1 จังหวัดแพร่ โดยมีนายชัชชัย ลิ้มภักดี นายอำเภอแม่จริม นางจันทิรา โยธิการ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน นายอนุสรณ์ หอมขจร ปศุสัตว์จังหวัดน่าน นายจงสฤษดิ์ คุ้นวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจุลไหมไทย จํากัด นายณกรณ์ ไกรอนุพงษา ผู้อำนวยการสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 1 จังหวัดแพร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแดง และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอำเภอแม่จริม เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ศาลาอเนกประสงค์ บ้านหนองแดงใหม่หมู่ที่ 5 ตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน


โดยอธิบดีกรมหม่อนไหม ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามทำข้อตกลงและสัญญาการซื้อขายรังไหมล่วงหน้า (contract farming) ปี 2563 ระหว่างกลุ่มเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จังหวัดน่าน เชียงราย และพะเยา ร่วมกับบริษัทจุลไหมไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเรื่องไหมไทยมานานกว่า 50 ปี มีตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดฐานการเรียนรู้ 6 ฐาน เริ่มตั้งแต่เทคนิคการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนถึงกระบวนการเก็บผลผลิตเพื่อขาย เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรและประชาชนที่สนใจได้ศึกษาหาความรู้ รวมทั้งการจัดเวทีเสวนา หัวข้อ “อนาคตไหมอุตสาหกรรมของประเทศไทย” เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและความเชื่อมั่นในเส้นทางเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมด้วย โดยเฉพาะรังไหมสีเหลือง สายพันธุ์ลูกผสม ที่มีคุณลักษณะที่ให้เส้นไหมสีสวยและเงางามซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด


นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในจังหวัดน่านเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่งเกษตรกรระดับครัวเรือนถือว่ามีรายได้หมุนเวียน และบางรายมีรายได้เป็นหลักแสนบาทต่อปี ส่วนในภาพรวมของจังหวัดน่าน มีมูลค่าสูงถึงปีละหลายล้านบาท เห็นได้ว่าอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสามารถที่จะส่งเสริมให้เป็นอาชีพหลักได้ และปลูกทดแทนพืชเชิงเดี่ยว เช่น การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

นอกจากนี้ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมซึ่งใช้พื้นที่น้อย ไม่จำเป็นต้องมีระบบน้ำมาก เกษตรกรปลูกหม่อนเพียงครั้งเดียวสามารถเลี้ยงไหมได้หลายปี ยังช่วยลดการทำลายป่าไม้และสภาพแวดล้อมอีกด้วย


จังหวัดน่านเริ่มมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา โดยมีหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนให้คำแนะนำและส่งเสริมรวมทั้งการหาตลาดเพื่อเป็นทางเลือกอาชีพให้แก่เกษตรกร ทำให้เกษตรกรหันมายึดอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อจำหน่ายรังไหมให้แก่บริษัทมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทเอกชนได้เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องตลาดรับซื้อรังไหม จะเห็นได้ว่าอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สามารถที่จะส่งเสริมเป็นอาชีพหลักได้

โดยข้อมูลในปี 2562 มีเกษตรกรเลี้ยงไหมในจังหวัดน่าน จำนวน 328 ราย ได้ผลผลิตรังไหม 44,081 กิโลกรัม รายได้ 6,352,149 บาท และในปี 2563 มีแผนการเลี้ยงไหม จำนวน 10 รุ่น คาดการณ์ว่าจะได้ผลผลิตรังไหม จำนวน 50 ตัน


อย่างไรก็ตาม ตลาดรังไหมยังมีความต้องการมากถึง 1,000 ตัน ขณะที่เกษตรกรผลิตรังไหมได้เพียง 650 ตัน ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรในจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา เป็นอาชีพที่มีความยั่งยืนสร้างรายได้ที่มั่นคงและเป็นธรรมแก่เกษตรกร พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจในด้านการลงทุนแก่ผู้ประกอบการ จึงได้จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านหม่อนไหมเกษตรกรแปลงใหญ่ไหมอุตสาหกรรม และได้ทำสัญญาข้อตกลงการซื้อขายรังไหมล่วงหน้ากันแบบปีต่อปี ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นใจในอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม






กำลังโหลดความคิดเห็น