อ่างทอง - หนุ่มใหญ่เมืองอ่างทอง นอนตายเหลือเพียงโครงกระดูกเป็นปริศนา อยู่บนที่นอนภายในบ้าน มือขวากำมีดดาบยาวกว่า 1 เมตร ส่วนขาท่อนล่างหายไป คาดว่าเสียชีวิตมานานกว่า 1 เดือน สุนัขคาบชิ้นส่วนไปกินทิ้งกระดูกไว้เกลื่อนพื้นดิน
เย็นวันนี้ (28 มิ.ย.) ร.ต.อ.นที ศิริทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไชโย ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตปริศนาเหลือเพียงโครงกระดูกอยู่ภายในบ้านเลขที่ 20 หมู่ 2 ตำบลจระเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ไชโย เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล โรงพยาบาลไชโย กำนันตำบลจระเข้ร้อง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง อยู่ห่างจากถนนกว่า 100 เมตร โดยเส้นทางเข้าบ้านต้องเดินผ่านเส้นทางเล็กที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าที่ขึ้นหนาทึบ
ซึ่งบริเวณโดยรอบบ้านพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์จำนวน 2 แห่ง ระหว่างทางก่อนถึงตัวบ้าน ส่วนบริเวณภายในบ้านเป็นห้องโล่งบริเวณกลางบ้านพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายสมเดช วิไลวรรณ อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน มีสภาพเหลือแต่โครงกระดูก ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงในสีน้ำเงิน มือขวามีมีดาบยาวกว่า 1 เมตร ในสภาพใช้มือขวากำด้ามมีดดาบไว้ ส่วนท่อนล่างบริเวณขาขวาหายไป มีพัดลมและหม้อข้าวไฟฟ้าตั้งอยู่ที่บริเวณปลายขา เบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วนานกว่า 1 เดือน จึงเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น
นายโสภณ งามรุ่งโรจน์ กำนันตำบลจระเข้ร้อง กล่าวว่า นายสมเดช อยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว มีเพียงน้องสาวคนเดียวที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ นาย สมเดช เคยทำงานโรงกลึงแห่งหนึ่งแล้วตกงานมาอยู่ในบ้านเพียงลำพังนานร่วมปี ชอบเก็บตัวอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนบ้านก็อยู่ภายในป่ารกทึบ และเมื่อเย็นที่ผ่านมา ได้มีเพื่อนชื่อว่า นายปรีชา หวังสะแล่ะห์ อายุ 34 ปีแวะมาหา พบว่าภายในบ้านมีกลิ่นเหม็นจึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ พบว่า เสียชีวิตเหลือเพียงโครงกระดูกเป็นปริศนา
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า สภาพศพ เหลือแต่โครงกระดูก และมีกระดูกบางส่วน ของนายสมเดช หายไป คาดว่า น่าจะมีสุนัขคาบชิ้นส่วนตามขาลงไป โดยพบร่องรอยกระดูกบางชิ้นอยู่ข้างบ้าน จากการชันสูตรพลิกศพคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมานานกว่า 1 เดือนแล้ว และพบว่ามีกระปุกยาแก้แพ้ วางอยู่ใกล้ตัว และไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งสถาบันนิติเวชเพื่อทำการหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป