อุทัยธานี - ตำรวจเร่งหาหลักฐานสางคดีสะเทือนขวัญคนหนองฉาง..มือมีดกระหน่ำฟัน 2 ผัวเมียกับหลานออทิสติกวัย 6 ขวบ สาหัสคาบ้าน พี่ชายเหยื่อมั่นใจไม่ใช่มรดกเลือด ขณะที่ลูกชายเผยพ่อ-แม่-หลานยังอยู่ ICU หวังแม่ฟื้นบอกได้ใครทำ
ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญคนร้ายบุกใช้มีดฟันสองสามีภรรยา คือ นายบุญช่วย สวัสดี อายุ 55 ปี นางสาวนพวรรณ เนตรสุพรรณ์ อายุ 51 ปี เจ้าของร้านทศพลซาวด์ และหลานชายอายุ 6 ขวบ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสคาบ้านพัก บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เมื่อค่ำวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดกลัวไปตามๆ กัน เนื่องจากขณะนี้ยังไร้เงามือมีดที่ก่อเหตุ มีเพียงผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือชายอายุ 30 ปี ที่มีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช และเป็นญาติกับผู้เสียหายนั้น
ล่าสุดเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) ร.ต.อ.จรูญ ตรงกลาง รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.เขาบางแกรก อ.หนองฉาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เขาบางแกรก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ และบ้านของผู้ต้องสงสัยเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานทางคดีเพิ่มเติม
ด้านนายสำรวม เนตรสุพรรณ์ อายุ 58 ปี พี่ชายของนางสาวนพวรรณ เนตรสุพรรณ หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมครอบครัวของน้องสาว ได้พูดคุยให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 7 คน ตนเป็นลูกคนที่ 3 ส่วนนางสาวนพวรรณ คนเจ็บ เป็นลูกคนที่ 6 ซึ่งก็ยอมรับว่าตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวญาติพี่น้อง ซ้ำหลานชายที่ป่วยเป็นจิตเวช ยังมาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอีก
แต่ตนก็ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร และใครเป็นคนก่อเหตุกันแน่ ซึ่งถ้าหลานชายที่ป่วยเป็นจิตเวชเป็นผู้ก่อเหตุจริง ก็คงต้องให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อ เพราะจากการพูดคุยสอบถามกับผู้ต้องสงสัยก็ยังคงยืนกรานว่าไม่ได้ทำ คงต้องรอให้ตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด
ส่วนปมเรื่องทรัพย์สินมรดกที่ดินทำกินนั้นก็คงจะไม่ใช่ เพราะพ่อแม่ได้แบ่งที่ดินทำกินไว้ให้ลูกทุกคนก่อนเสียชีวิตมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว ทุกคนมีโฉนดที่ดินเป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์ และไม่เคยมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมาก่อน ส่วนตัวน้องสาว รวมไปถึงน้องเขย ปกติแล้วก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร และยังเป็นคนอัธยาศัยดีเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านอีกด้วย
ด้านนายทศพล สวัสดี อายุ 26 ปี ลูกชายของผู้บาดเจ็บ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนนี้อาการของพ่อแม่และหลานชายค่อนข้างดีขึ้น เริ่มรู้สึกตัวและขยับมือได้บ้างแล้ว แต่ทั้งหมดยังคงต้องอยู่ภายในห้องไอซียู ยังไม่สามารถพูดคุยได้ ซึ่งทั้ง 3 ถูกฟันเข้าที่บริเวณศีรษะทั้งหมด โดยแม่ถูกฟันเข้าที่บริเวณท้ายทอยยาวไปถึงใบหน้า ส่วนพ่อและหลานชายถูกฟันเข้าที่บริเวณศีรษะด้านหลังด้วยเช่นกัน โดยหลานชายอายุ 6 ขวบนั้นก็เป็นเด็กออทิสติกด้วย
“คนที่อาการหนักสุดคือ แม่ ที่แพทย์ระบุว่าจะต้องผ่าตัดครั้งที่ 2 อีก แต่บาดแผลที่ถูกฟันแพทย์สามารถเย็บได้เพียง 50% เท่านั้น จึงต้องรอให้แม่พักฟื้นและมีอาการที่ดีขึ้นกว่านี้ก่อนจึงจะสามารถทำการผ่าตัดครั้งที่ 2 ได้”
ทั้งนี้ เท่าที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าอาวุธมีดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นมีดเหรียญที่ใช้ตัดอ้อย และคาดว่าทั้งพ่อตนและหลานนั้นไม่น่าจะเห็นตัวคนร้าย มีเพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่ตนเองมั่นใจว่ารู้ตัวว่าคนที่ลงมือทำร้ายเป็นใคร จึงทำให้ขณะนี้ความหวังที่จะจับตัวคนร้ายได้ก็อยู่ที่ผู้เป็นแม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนก็หวังไว้ว่าจะนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ แม้วันเกิดเหตุจะไม่มีพยาน ไม่มีใครพบเห็น และร่องรอยหลักฐานต่างๆ ก็มีน้อยมากก็ตาม