หนองคาย - ตำรวจโพธิ์ตากตามรวบแก๊งโกงเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ รวบคณะกรรมการได้ 7 คน หลังเก็บเงินฌาปนกิจสมาชิกต่อเนื่องนำเงินไปปล่อยกู้ยืมกันเองแล้วเก็บเงินคืนไม่ได้ สมาชิกตายไม่จ่ายเงิน ผู้เสียหายมากกว่าร้อยราย สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) พ.ต.อ.เกรียงไกร รับงาม ผกก.สภ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย, พ.ต.อ.ไพรวัลย์ ท้าวพรม ผกก.สส.ภ.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.สุริยพันธ์ ธนบูรณาวัฒน์ สว.สส.สภ.โพธิ์ตาก พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.หนองคาย ได้นำหมายศาลจังหวัดหนองคายไปแสดงตัวจับกุมผู้ต้องหา 7 คน ประกอบด้วย นายทองศรี หล้าวงคำ, นายทองแดง คำภูแก้ว, นางมัลลิกา ยอม, นางสมควร จันทาคีรี, นางกรรณิกา เจริญสุข, นางเหรียญทอง หล้าวงคำ และนางหนูเที่ยง จันทร์โสภา ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันดำเนินกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยไม่ได้จดทะเบียน แล้วคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.โพธิ์ตาก โดยมีผู้เสียหายมาให้ข้อมูลแก่ตำรวจหลายราย
พ.ต.อ.เกรียงไกร รับงาม ผกก.สภ.โพธิ์ตาก กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนเมษายน 63 ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความว่าถูกกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุบ้านดอนไผ่ หมู่ 4 หมู่ 6 หรืออีกชื่อว่า ชมรมผู้สูงอายุบ้านดอนไผ่ หมู่ 4 หมู่ 6 หลอกลวงโกงเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เก็บเงินรายเดือนไปแล้ว เมื่อมีผู้เสียชีวิตแต่ไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ตามที่กำหนด มีผู้เสียหายหลายรายในพื้นที่ อ.โพธิ์ตาก อ.ศรีเชียงใหม่ อ.สังคม จ.หนองคาย และ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มากกว่าร้อยราย ทางตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายศาลจังหวัดหนองคายทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่บ้านพัก
พบว่ากองทุนดังกล่าวมีคณะกรรมการ 9 คน ร่วมกันก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2552 เปิดรับสมัครสมาชิก แรกเข้าคนละ 1,000 บาท จ่ายรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีสมาชิกทั้งหมด 1,862 คน หลังจากส่งงวดแรกถึง 6 เดือน 1 วัน หากสมาชิกเสียชีวิตจะได้เงินสงเคราะห์ 17,000 บาท, ส่งครบ 2 ปี 1 วัน เสียชีวิตจะได้ 30,000 บาท, ส่งครบ 4 ปี 1 วัน เสียชีวิต จะได้ 50,000 บาท ระยะเวลาการส่งเงิน 8 ปี หลังจากนั้นไม่ต้องส่งอีก รอรับเงินหลังเสียชีวิต สรุปแล้วสมาชิกจะได้จ่ายเงินคนละ 20,200 บาท เป็นเวลา 8 ปี
ปรากฏว่าเมื่อมีสมาชิกเสียชีวิต คณะกรรมการไม่ได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้ตามกำหนด แต่พบว่าเอาเงินที่เก็บมาได้ไปปล่อยกู้ แล้วเก็บเงินคืนไม่ได้ จึงไม่มีเงินมาจ่ายให้กับสมาชิกที่ตาย รวมแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ครั้งนี้ได้ทำการจับกุมคณะกรรมการ 7 คน มี 1 คนเสียชีวิตก่อนหน้านี้ และอีก 1 คนไปต่างจังหวัด ซึ่งจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดี หลังจากสอบปากคำแล้วก็จะส่งศาลจังหวัดหนองคายดำเนินการทันที
ขณะที่นางสาวยุพิน ขอสงวนนามสกุล หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ได้มาให้ปากคำตำรวจ ซึ่งตนได้สมัครสมาชิกกองทุนเช่นเดียวกับหลายคนในหมู่บ้าน และเมื่อญาติเสียชีวิตก็ไม่ได้รับเงิน จึงได้เข้าแจ้งความ และพายายวัย 88 ปีมาแจ้งความด้วย
ด้านนายทองแดง คำภูแก้ว อายุ 52 ปี หนึ่งในคณะกรรมการ กล่าวว่า ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน เพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน ก็มีญาติมาชักชวนให้ร่วมกันทำกองทุนนี้ ตนเห็นว่าเป็นญาติกันและเมื่อมีคนตายก็จะได้มีเงินช่วยงานศพให้แก่ชาวบ้าน โดยเงินที่เก็บจากสมาชิกได้ทั้งหมดเหรัญญิกกองทุนจะเป็นคนเก็บไว้ นำไปฝากธนาคารหมู่บ้านส่วนหนึ่ง และปล่อยกู้ให้คณะกรรมการและสมาชิกด้วยกันอีกส่วนหนึ่ง คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท ระยะหลังปรับลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 50 สตางค์ แต่ละคนจะมีการยืมเงินเป็นจำนวน 1 แสน ถึง 2 แสนบาท
ส่วนตนตกเป็นทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย โดยตนยืมเงิน 20,000 บาท และลงเงินในกองทุน 4 บัญชี ส่งเงินไปแล้ว 70,000 บาท ก็ยังไม่ได้เงินคืน เมื่อเกิดปัญหาชาวบ้านก็ต้องการเงินต้นคืน แต่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม