ประจวบคีรีขันธ์ - กรมประมง เปิดเผยปริมาณการจับหอยลายบริเวณอ่าวไทยตอนใน พบภายในระยะเวลา 2 เดือน สามารถจับได้ถึงกว่า 2,000,00 กก. มากกว่าทุกๆ ปี คาดว่าเกิดจากการขยายพื้นที่เขตทะเลชายฝั่ง ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และความร่วมมือของชาวประมง จึงส่งผลให้ปริมาณหอยลายเพิ่มจำนวนอย่างมาก
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงโดยกองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล ได้มีการลงพื้นที่สำรวจบริเวณอ่าวไทยตอนในอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตทะเลชายฝั่งและนอกเขตทะเลชายฝั่ง เพื่อศึกษาสภาวะ สภาพแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยลายซึ่งพบว่าจากผลสำรวจในระหว่างปี 2560-2562 แนวโน้มของปริมาณการจับหอยลายมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องถึงขั้นไม่สามารถพบหอยลาย
โดยผลของปริมาณการจับในปี 2560 พบผลรวมการจับทั้งปี จำนวน 1,234,764 กิโลกรัม ปี 2561 พบผลรวมการจับทั้งปีจำนวน 240,170 กิโลกรัม ซึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัด และปี 2562 ไม่พบหอยลายเนื่องจากประชากรหอยลายเติบโตไม่ทันต่อการทำประมง ทำให้ชาวประมงบางส่วนหันไปทำอาชีพอื่นเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปในช่วงที่แหล่งหอยลายอยู่ในระยะการฟื้นตัว
ซึ่งบางแหล่งหอยลายสามารถกลับมาฟื้นตัวภาย ในระยะเวลา 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของแต่ละพื้นที่ แต่บางแหล่งเมื่อจับหอยลายไปหมดแล้วก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเลย
อธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า ล่าสุดผลสำรวจประชากรหอยลายบริเวณอ่าวไทยตอนใน ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันพบว่า ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร พบปริมาณการจับหอยลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยผลของปริมาณการจับรวม 2 เดือน ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน สามารถจับหอยลายได้ถึง 2,168,427 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวของปริมาณการจับทั้งปี 2560-2561
โดยคาดว่าสาเหตุที่หอยลายกลับมามีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วในปีนี้ เกิดจากทรัพยากรทางทะเลมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งจากการศึกษาสภาพแวดล้อมทางทะเล พบว่า ปริมาณแพลงก์ตอนรวมทุกชนิดที่เป็นอาหารของลูกหอยลายมีเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนคุณภาพน้ำในทะเลมีความเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของหอยลาย และส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากมาตรการกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง
โดยขยายระยะห่างจากฝั่ง 3,000 เมตร เป็น 5,400 เมตร และในบริเวณดังกล่าวห้ามเครื่องมือประมงพาณิชย์ทุกชนิด ซึ่งรวมทั้งเครื่องมือคราดหอยเข้าไปทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง ส่งผลให้แหล่งหอยลายดังกล่าวไม่ถูกรบกวนจากการทำประมงในระหว่างปี 2562-2563 ทำให้แหล่งหอยลายมีระยะเวลาในการฟื้นตัวและกลับมาได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถจับได้ปริมาณมากในปีนี้
นอกจากนี้ กรมประมงได้มีการหาแนวทางช่วยเหลือชาวประมง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา COVID-19 ส่งผลให้ร้านอาหาร โรงแรมในบางพื้นที่ยังปิดตัวอยู่ ทำให้ชาวประมงที่จับผลผลิตหอยลายได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ จึงได้เพิ่มช่องทางตลาดโดยการเปิดพื้นที่จำหน่ายหอยลายที่กรมประมง เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ชาวประมงได้จำหน่ายหอยลายสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์วิกฤตจะดีขึ้นตามลำดับ เมื่อผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปได้ชาวประมงจะสามารถจำหน่ายสัตว์น้ำได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม กรมประมงจะติดตามสถานการณ์การทำประมงหอยลาย ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในทั้งเขตทะเลชายฝั่งและนอกเขตทะเลชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลทรัพยากรสัตว์น้ำและเฝ้าระวังการลักลอบการทำประมงคราดหอยลาย ในพื้นที่ห้าม
และท้ายนี้ ผมต้องขอบคุณชาวประมงทุกท่านที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐตลอดมา ซึ่งจากสถานการณ์หอยลายเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปีนี้ เป็นข้อพิสูจน์ได้ แล้วว่าหากรัฐและราษฎร์ร่วมใจ ทรัพยากรก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและมีความยั่งยืน