อุบลราชธานี - เพื่อนบ้านบอกสองผัวเมียปลูกทุเรียนบนดินทรายเป็นบ้าแต่เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อทุเรียนออกผลสร้างรายได้ให้ปีละหลายแสนบาท ภาครัฐเข้าหนุนช่วยสร้างช่องทางทำกินให้ชาวบ้านในละแวกเดียวกันอีกด้วย
ตอนเริ่มปลูกใหม่ๆ เพื่อนบ้านบอกว่า พ่อสมัย สายเสน อายุ 63 ปี กับเมีย ชาวนาหมู่บ้านโคกใหม่พัฒนา หมู่ 10 ต.โนนกลาง อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี น่าจะบ้า เพราะดันไปปลูกทุเรียนบนดินทราย แต่เวลาผ่านไปไม่กี่ปีต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อทุเรียนออกผลสร้างรายได้ให้พ่อสมัยปีละหลายแสนบาท ภาครัฐเข้าหนุนช่วยสร้างช่องทางทำกินให้ชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ที่สำคัญได้กลายเป็นสวนทุเรียนเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ปลูกผลไม้ในดินทราย
“เบื่ออาชีพทำนาปลูกข้าว ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่นาก็เป็นนาโคก พื้นดินเป็นดินทรายปนดินเหนียว แต่ละปีต้องรอฟ้าฝน รอเอาน้ำมาปลูกข้าว ปลูกได้เพียงปีละครั้ง และไม่มีความแน่นอนเรื่องผลผลิตข้าวด้วย” พ่อสมัยบอก และเล่าว่า
ในช่วงวัยหนุ่มพ่อสมัย นอกจากทำนาปลูกข้าวยังตระเวนไปรับจ้างเป็นคนงานตามสวนผลไม้แถวภาคใต้ มีครอบครัวก็กลับมาทำอาชีพขายรองเท้าตามตลาดนัดกับภรรยาที่บ้านเกิด และทำนาปลูกข้าวปีละครั้ง พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัวและมีข้าวไว้กินให้ได้ตลอดปี แต่เมื่ออายุสูงขึ้นก็เริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพที่เสื่อมถอย การขับรถตระเวนไปขายรองเท้าตามตลาดนัดก็เริ่มไม่ไหว ตาฝ้าฟาง กลัวว่าวันไหนเกิดพลาดท่ามีอุบัติเหตุขึ้นจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ครั้นจะกลับไปทำนาปลูกข้าวแบบเดิมที่เก็บเกี่ยวได้เพียงปีละครั้งก็กลัวว่าเงินทุนที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตที่มีแค่ 2 แสนบาทเศษ อาจหมดไปกับค่าจ้างไถนา ซื้อปุ๋ยใส่นาข้าวเหมือนที่เคยเป็น
ปมปัญหาเหล่านี้ทำให้พ่อสมัยตัดสินใจปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ทำตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยแบ่งที่นาที่รับสืบทอดมากว่า 22 ไร่ ใช้ทำนา 12 ไร่ อีก 10 ไร่ ปลูกพืชสมุนไพร พืชผักสวนครัว และผลไม้นานาชนิดทั้งละมุด ลำไย สับปะรด ส้มเขียวหวาน เงาะ มะม่วง กล้วย รวมทั้งทุเรียน เพื่อให้มีรายได้เข้ามาตลอดทั้งปี แต่การปลูกอะไรไม่สำคัญเท่าปลูกทุเรียน เพราะเป็นผลไม้ที่ปลูกยากในพื้นดินที่เป็นดินทราย โดยพ่อสมัยบอกว่า เริ่มแรกในปี 2553 ได้ซื้อพันธุ์ทุเรียนหมอนทองจำนวน 20 ต้นมาทดลองปลูกลงในที่นาของตนเอง ยึดเอาประสบการณ์ความรู้สมัยหนุ่มๆที่ไปเป็นคนงานในสวนผลไม้ทางภาคใต้มา ประยุกต์ปรับใช้กับดินทรายในที่นาของตนเอง
โดยขนเอาดินจากใต้สระน้ำที่มีตะกอนดินของดินเหนียวสะสมทับถมเป็นเวลานานและมีจำนวนมากมาผสมกับดินทรายบนที่นา แล้วเอาต้นพันธุ์ต้นทุเรียนลงปลูก ซึ่งการปลูกช่วงแรกก็มีเพื่อนบ้านแวะเวียนเข้ามาดูการปลูกทุเรียนบนดินทรายด้วยความหมิ่นแคลน บางรายก็เข้าขั้นหาว่านายสมัยเป็นบ้าไปเลยทีเดียว เพราะนอกจากไม่เดินทำนาข้าวเหมือนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายเหมือนที่ชาวบ้านทำกันแล้วยังเอาพันธุ์ผลไม้นานาชนิดมาปลูกแทนข้าว...แล้วอย่างนี้ ชีวิตบั้นปลายนายสมัยจะไปรอดหรือเปล่า คำพูดเหน็บแนมพวกนี้พ่อสมัยพยายามไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาทำตามที่ตัวเองตั้งใจ
แต่แล้วเมื่อวันเวลาผ่านไปกว่า 3-4 ปี ทุเรียนจำนวน 20 ต้นเริ่มให้ผลผลิต โดยมีผลใหญ่น้ำหนักเฉลี่ยตั้งแต่ 3-5 กิโลกรัม มีเนื้อหอม หวาน กรอบ กลิ่นไม่ฉุน สามารถเก็บออกขายผสมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ด้วย
มาถึงวันนี้ พ่อสมัยก็ได้ขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนบนดินทรายจาก 20 ต้นเป็นเกือบ 300 ต้น และเก็บผลผลิตที่งอกเงยออกขายทุกปี แต่ด้วยพื้นที่ที่แห้งแล้ง แม้มีผลทุเรียนให้เก็บเกี่ยวได้เพียง 1 ใน 3 ในแต่ละปี ก็ทำเงินให้กับพ่อสมัยปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 แสนบาท ไม่รวมถึงพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร และผลไม้อีกหลากชนิดที่มีอยู่ในสวน “ตายาย” ของนายสมัยและนางราตรีผู้เป็นภรรยา ทุกวันนี้ สองตายาย แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในสวนของตัวเอง ก็มีคนเข้าไปจับจองขอซื้อผลผลิตที่หมุนเวียนออกตามฤดูกาล ไม่ต้องเหนื่อยยากไปขายรองเท้าตามตลาดนัดอีกแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อรายได้ของสองผัวเมียคู่นี้
นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอสำโรง พร้อมเจ้าหน้าที่เกษตรที่เข้าเยี่ยมดูผลผลิตในสวนทุเรียนของนายสมัย กล่าวถึงผลสำเร็จของเกษตรกรที่มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตจนประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้ให้ครอบครัวมีชีวิตดีขึ้นว่า เป็นสวนทุเรียนเพียงแห่งเดียวของอำเภอในขณะนี้ ที่ปลูกบนดินทราย และเป็นทุเรียนที่มีลักษณะพิเศษต่างจากที่อื่นคือ เนื้อมีความหอมออกรสหวาน แต่กลิ่นไม่ฉุน เนื้อแห้ง ราคาไม่แพง
ส่วนการต่อยอดขณะนี้ มีเกษตรรายอื่นที่อยู่ใกล้กับสวนพ่อสมัย และเห็นความสำเร็จได้เริ่มปลูกทุเรียนสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ให้เกษตรอำเภอเข้าสนับสนุน เพื่อเพิ่มช่องทางการประกอบอาชีพแก่เกษตรกรที่ประสบปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปเที่ยวชมสวนหรือเลือกซื้อผลผลิตหลากชนิดในสวนของพ่อสมัย โทรศัพท์สอบถามล่วงหน้าที่หมายเลข 08-1062-6470 เพราะจะได้ไม่เสียเที่ยวกลับมามือเปล่า ซึ่งทุเรียนผลขนาด 4-5 กิโลกรัม ขณะนี้ยังพอมีเหลือจากการจองให้ซื้อกลับไปกินได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 150 บาทเท่านั้น ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ ต้องเข้าไปตามฤดูกาลจะได้ผลไม้ที่สดใหม่จากต้นเลยทีเดียว