xs
xsm
sm
md
lg

“วอชด็อก” เผย ตชด.ผู้ต้องหา “เตี้ย มช.” ถูกออกจากราชการแล้ว-ยกผลชันสูตรใหม่ถูกตีกะโหลกตายทรมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “วอชด็อก” โพสต์เผย ตชด.หนุ่มผู้ต้องหาคดี “เตี้ย มช.” ถูกลงโทษสั่งออกจากราชการแล้ว พร้อมถูกสอบวินัยร้ายแรง ขณะเดียวกันยกผลชันสูตรใหม่ ชี้ “พี่เตี้ย” ตายเพราะถูกทุบกะโหลก ด้านต้นสังกัด ส.ต.ท.และ มช.ปฏิเสธให้ความเห็นใดๆ


ช่วงค่ำวานนี้ (2 มิ.ย. 63) เพจเฟซบุ๊ก “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT” โพสต์เผยความคืบหน้าคดี “เตี้ย มช.” ว่า ตำรวจ ตชด.ยศสิบตำรวจโท ผู้ต้องหาในคดีถูกลงโทษสั่งให้ออกจากราชการพร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง โดยระบุว่า “ #สั่งให้ออกจากราชการแล้วพร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง หลังการประชุม ปรึกษาและขอความช่วยเหลือในการคืนความเป็นธรรมให้ในกรณี พี่เตี้ย มช. และได้รับความกรุณาให้การช่วยเหลือและดำเนินการอย่างยุติธรรมที่สุด จาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการดำเนินการ WDT และประชาชน พร้อมคณะผู้ร้องเรียนได้รับทราบจาก พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ได้มีการสั่งการลงดาบแรกให้ "ผู้ต้องหาคนแรก" ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" ดอกแรก ที่ต้องจดจำไว้เป็นประวัติศาสตร์ครับ ขอบคุณ”


นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT” ยังได้โพสต์อ้างว่ามีผลชันสูตร “เตี้ย มช.” ฉบับใหม่ ที่บ่งชี้สาเหตุการตายว่ามีการแตกของกะโหลกที่ถูกทุบตี โดยระบุว่า “#เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว #องก์ที่ 3 ขอบคุณเจ้าของภาพทุกท่านครับ ในที่สุดก็ได้เห็นกันแล้วว่า เมื่อ WDT และประชาชนเกิดข้อสงสัยในผลชันสูตรที่ปรากฏต่อสาธารณชนในครั้งแรกทำให้เกิดการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนใหม่ หรือความพยายามขอให้เปิดเผยผลชันสูตรที่แท้จริง #และยังไม่ทันไร…#ก็ปรากฏผลชันสูตรอีกฉบับออกมาแล้ว! ขอบคุณคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำหรับ "ผลชันสูตรฉบับนี้" ซึ่งบ่งชี้ไปในทางตรงกันข้ามกับผลชันสูตรฉบับแรก ที่เกือบจะโน้มนำให้กลายเป็น "อุบัติเหตุ" ไปซะแล้ว

#ผลชันสูตรฉบับล่าสุด #บอกกล่าวเป็นภาษาชาวบ้าน ประมาณว่า…พยาธิสภาพที่ทำให้พี่เตี้ยต้องตายก็คือกะโหลกที่แตกทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งแตกร้าว อีกด้านหนึ่งแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ถึงขั้นที่บอกได้ว่า ณ ขณะนั้นต้องมีสมองไหล เพราะไม่มีแผ่นกะโหลกรองรับอีกต่อไป# และบอกกล่าวเป็นภาษาทางวิชาการว่า# จากรูปที่ 1 พบการแตกของกะโหลกศีรษะจนที่เห็นรูปกะโหลกเปิดออกนั้นมาจากแรงกระแทกซึ่งเป็นไปได้สูงว่านี่จะเป็นสาเหตุของการตาย #จากรูปที่ 2 แสดงให้เห็นว่ามีการแตกของกะโหลกศีรษะเป็นชิ้นส่วน เช่น ส่วนของกระดูก occipital (กระดูกท้ายทอย), ส่วนของกระดูก perietal (ขม่อม) และส่วนของกระดูก temporal (ขมับ)

#และเมื่อมีรอยแตกของกะโหลกถึงสามรอยก็ย่อมหมายความว่ามีการทุบถึงสามครั้ง! #พี่เตี้ยคงสิ้นใจในวินาทีนั้นหมดความรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวดอีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะเหยียบย่ำซ้ำเติมท่อนล่างของพี่เตี้ยจนอวัยวะภายในฉีกขาด หรือไม่ว่าจะปรากฏร่องรอยและเสียงปืนดังก็ตาม ดั่งจะให้แน่ใจว่า…พี่เตี้ยจะไม่มีวันลุกขึ้นมาขัดหูขัดตาใครได้อีก! ผลชันสูตรล่าสุด…ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพี่เตี้ยสิ้นใจตายทรมานอย่างไร ผลชันสูตรล่าสุด…จะนำไปสู่ "รายงานผลชันสูตรและคำวินิจฉัยของสัตวแพทย์" ที่ตรงกันข้ามกับคำให้การของผู้ต้องหา ผลชันสูตรล่าสุด…จะนำไปสู่ถ้อยคำที่ลั่นวาจาไว้ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ชอบนะ! ที่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาจะได้เป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตและเข้มแข็ง รอครับ… ว่าดอกไม้ดอกใดจะถูกเด็ดเป็นรายต่อไป #รวมพลังคืนความเป็นธรรมให้กับพี่เตี้ย มช. ขอบคุณ”


รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (3 มิ.ย. 63) จากการติดต่อไปที่กองกํากับการตํารวจตระเวนชายแดนที่ 33 เพื่อขอสอบถามรายละเอียดและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องคำสั่งให้สิบตำรวจโทที่เป็นผู้ต้องหาในคดี “เตี้ย มช.” ออกจากราชการพร้อมถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนั้น เบื้องต้นได้รับการปฏิเสธ

ส่วนกรณีเกี่ยวกับผลชันสูตร “เตี้ย มช.” ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นั้น จากการสอบถามแหล่งข่าวระดับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยืนยันว่ามีเพียงฉบับเดียวตามที่รายงานและเปิดเผยมาตั้งแต่แรก พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับผลชันสูตรที่มีการกล่าวอ้างในเพจเฟซบุ๊ก “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT”


กำลังโหลดความคิดเห็น