ประจวบคีรีขันธ์ - ไวรัสโควิด-19 พ่นพิษ เจ้าของล้งรับซื้อขนุนส่งออกสามร้อยยอด กัดฟันช่วยเกษตรกรรับซื้อขนุนจากสวนที่กำลังออกมามากจนล้นตลาด แบกภาระขาดทุนมานานนับเดือนไม่มีที่ระบาย ตัดสินใจขนขนุนกว่า 12 ตัน ไปให้ช้าง ดีกว่าปล่อยให้เน่า
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ล้งขนุนเจ๊ไหว ตั้งอยู่ที่ศาลาภายในวัดไร่ใหม่สามัคคี ตำบลไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับการแจ้งจาก น.ส.สุพรรณ์ญา สิงห์เสนา ว่าจะนำขนุนไปเลี้ยงช้าง เนื่องจากกำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ถูกระงับห้ามนำเข้าประเทศจีนทั้งหมดมานานนับเดือน รอจนกระทั่งประเทศจีนผ่อนคลายอนุญาตให้นำเข้าได้บ้างแต่ยอดสั่งซื้อก็มีปริมาณน้อยมากกว่าผลผลิตที่ทางล้งรับซื้อจากเกษตรกรไว้เดือนละหลายตัน จนถึงขณะนี้ยังคงรับสภาพการขาดทุนอย่างหนักติดต่อมาหลายเดือน
โดยในช่วงสถานการณ์ปกติ เฉพาะที่ล้งนี้ แห่งเดียวจะส่งขนุนออกไปประเทศจีนถึงเดือนละ 500 ตัน แต่เมื่อมาเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ธุรกิจส่งออกของตนได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงได้ แต่ทุกวันนี้ยังคงต้องรับซื้อขนุนจากชาวสวนอยู่ซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำ ทั้งยามที่ขนุนมีราคาดีหรือตกต่ำ ต้องมีความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ไม่ทิ้งกันเมื่อยามฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเดือดร้อน
จึงตัดสินใจนำรถกระบะ จำนวน 3 คัน มาขนขนุนเพื่อนำไปเลี้ยงช้างที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และที่ศูนย์บริบาลช้างบริบาลสัตว์ป่า จังหวัดเพชรบุรี น้ำหนักกว่า 12 ตัน มูลค่า 7 หมื่นบาท โดยเจ้าของล้งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งค่าแรง ค่าน้ำมันรถ โดยบอกว่าเอาไปเลี้ยงช้าง เลี้ยงสัตว์ ได้ทำบุญดีกว่าทิ้ง แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแล และให้การช่วยเหลือบ้าง
น.ส.สุพรรณ์ญา เจ้าของล้งขนุนเจ๊ไหว กล่าวว่า ขณะนี้ล้งต่างๆ ได้รับผลกระทบเยอะมาก ต้องทยอยเอาสินค้าออกซึ่งก็ขายไม่ได้ราคาเหมือนกันทุกตลาดคือ รองรับไม่ไหว เพราะสถานการณ์เป็นแบบนี้ เอาไปแพกขายก็ขายไม่ได้ ขนุนก็ต้องทยอยตัด พอทยอยตัดมันก็อั้นไปเรื่อยๆ แต่ยังไงเราก็ต้องเอาออกจากสวนเพื่อช่วยชาวไร่ ซึ่งวันนี้จะนำขนุนไปเลี้ยงช้าง
เพราะอย่างไรเราก็ต้องซื้อเพื่อช่วยชาวสวนในราคาที่ไม่แพง แต่ต้องช่วยชาวสวนระบายออก รับซื้อขนุนจากสวนกิโลกรัมละ 3-4 บาท เมื่อบวกกับค่าใช้จ่าย ค่าแรงคนงาน ค่าน้ำมันรถก็ตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 5-6 บาท ซึ่งขาดทุนแน่ๆ เพราะขนุนที่รับซื้อกองไว้เราก็ไม่รู้จะเอาไปขายต่อที่ไหน จึงตัดสินใจเอาไปเลี้ยงช้างดีกว่า ตนได้ประสานทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วจะขนขนุนไปให้ช้างที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน 2 คันรถ และที่ศูนย์บริบาลช้างบริบาลสัตว์ป่า ที่จังหวัดเพชรบุรีอีก 1 คันรถ ซึ่งเราออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด รวมมูลค่าวันนี้อยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นบาท
ส่วนเรื่องของการช่วยเหลือหรือการเยียวยาจากทางภาครัฐ ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย ซึ่งจริงๆ แล้วทุกล้งพยายามช่วยเหลือชาวสวน ช่วยเหลือลูกไร่ ช่วยเหลือทุกทาง และพยายามช่วยเหลือตัวเอง พยายามหาทางออกกัน แต่ตอนนี้มันหาทางออกไม่ได้แล้ว คือต้องทิ้งของกันอย่างเดียว เหมือนกันหมดทุกล้งคือ พันธุ์ทองมาเลย์ต้องทิ้งหมดเลย ขายก็ไม่ได้ราคาเต็มที่อยู่ที่ 2-4 บาท คนเอาไปแพกก็ขายไม่ดี ถึงแม้ตลาดเปิดก็ขายไม่ได้อยู่ดี
จึงอยากวอนขอให้ภาครัฐเข้ามาดูแล หรือช่วยรับซื้อในราคาถูก ให้เราเสียหายน้อยลง เพราะทางเราเองยังคงต้องช่วยชาวสวนอยู่ คืออย่างไรก็ต้องตัดออกมา มันเป็นความรับผิดชอบของเรา เพราะอย่างไรเราก็ทิ้งชาวสวนไม่ได้ ขณะนี้สภาวะอากาศที่มันร้อน บวกกับสถานการณ์โควิด-19 เข้ามาอีก ทุกคนก็พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดกัน แต่ถ้ารัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยได้ก็จะยิ่งดี