ศรีสะเกษ - ทนายดังชี้ช่อง กรณีผู้ว่าฯ บางจังหวัดออกประกาศห้ามขายสุราทำไม่ได้เพราะขัดต่อคำสั่งรัฐบาลออกข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ขายได้ หากผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชนเดือดร้อนสามารถร้องเพิกถอนคำสั่งผู้ว่าฯ และฟ้องศาลปกครองได้
วันนี้ (3 พ.ค.) นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายความชื่อดัง เปิดเผยกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) ผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเด็น “ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มซึ่งจำหน่ายสุราให้เปิดได้ แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน” ว่า ประเด็นดังกล่าวมีบางจังหวัดออกประกาศทับซ้อนขัดกับประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับดังกล่าว คือ ออกประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 พ.ค.นี้ ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชนสับสนว่าคำสั่งที่ทางจังหวัดออกประกาศทับซ้อนนั้น สามารถทำได้หรือไม่
กรณีดังกล่าวนั้นไม่สามารถทำได้เพราะขัดกัน ต้องเอาคำสั่งของรัฐบาลกลางเป็นที่ตั้ง เว้นแต่มีเหตุอันจำเป็นที่ต้องมีการควบคุมต่อ แต่แท้จริงแล้วการที่รัฐบาลออกประกาศให้สามารถขายสุราได้ แต่ไม่ให้นั่งบริโภคในร้าน ถือว่าเป็นมาตรการที่สมเหตุสมผล และจังหวัดอื่นๆ ก็ปฏิบัติตาม
ดังนั้น การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบางจังหวัดมาออกประกาศทับซ้อนขัดต่อคำสั่งรัฐบาลถือว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบธรรม คือ ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่ชอบธรรม ถึงแม้ว่าชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่เป็นกฎหมายรองซึ่งคำสั่งของรัฐบาลต้องใหญ่กว่า แต่หากประชาชนได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวนั้นสามารถที่จะไปฟ้องต่อศาลปกครองได้ และถ้าผู้ว่าฯ ยังเพิกเฉยถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้เนื่องจากทุกจังหวัดมีการผ่อนปรนตามมาตรการของรัฐบาล เมื่อจังหวัดมาออกคำสั่งดังกล่าวนี้จึงอาจส่งผลขัดต่อความรู้สึกของประชาชน