ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง ชี้แจงเหตุไม่สามารถเลื่อนวันยื่นเอกสาร เสนอราคางานจ้างเหมาก่อสร้างโครงการฯ แหลมฉบังระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล คือ วันที่ 7 พ.ค. และส่วนที่ 2 ในวันที่ 8 พ.ค.เช่นเดิม เผยเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง
วันนี้ (2 พ.ค.) ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า จากกรณีที่มีสื่อบางฉบังนำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง มีเอกชนขอเลื่อนวันการยื่นเสนอราคางานจ้างเหมาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเลนั้น ท่าเรือแหลมฉบังขอชี้แจงว่า ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 54
ระบุว่า เมื่อถึงกำหนดวันเสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์และให้เสนอราคาภายในเวลาที่กำหนด โดยสามารถเสนอราคาได้เพียงครั้งเดียว กำหนดวันเสนอราคาตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ร่นหรือเลื่อน หรือเปลี่ยนแปลงกำหนดวันเสนอราคา เว้นแต่เป็นกรณีที่กรมบัญชีกลางแจ้งเลื่อนกำหนดวันเวลาการเสนอราคา เนื่องจากมีปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับการเสนอราคาผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และเมื่อได้ดำเนินการเป็นประการใดแล้ว ให้กรมบัญชีกลางรายงานคณะกรรมการวินิจฉัยทราบด้วย
นอกจากนี้ ท่าเรือแหลมฉบังได้เผยแพร่ประกาศและเอกสารประกวดราคาไว้จำนวน 50 วันทำการ คือ ระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 โดยมีกำหนดวันเสนอราคางานจ้างเหมาก่อสร้างโครงการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 และยื่นข้อเสนอเอกสารส่วนที่ 2 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 ซึ่งระยะเวลาเผยแพร่ประกาศ และเอกสารประกวดราคา เป็นเวลาที่มากเพียงพอในการจัดเตรียมเอกสารแล้ว ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงไม่สามารถเลื่อนวันยื่นเสนอราคาตามที่ร้องขอมาได้จึงขอแจ้งมาให้ทราบ
อนึ่ง โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำหรับจอดเรือน้ำลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ ท่าเรือแหลมฉบัง (Single Rail Transfer Operator, SRTO) ก่อสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือ ตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งต่อเนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังที่จะเชื่อมต่อกับภายนอกให้เพียงพอ และพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวของปริมาณเรือและสินค้าประเภทต่างๆ