ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รพ.จิตเวชโคราช ห่วงผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอีสานใต้กว่า 1 แสนคน ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำอาการกำเริบรุนแรง ย้ำให้กินยาต่อเนื่องอย่าขาดยาเด็ดขาด มองปัญหาแยกแยะและเริ่มแก้ที่ส่วนย่อย แนะญาติเพิ่มยาชูใจใช้หลัก “3 ควร 3 ไม่” ดูแล
วันนี้ (28 เม.ย.) นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลจิตเวชฯ ได้เร่งจัดบริการดูแลสุขภาพจิตประชาชน เพื่อลดผลกระทบทางจิตใจจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ได้เร่งป้องกันปัญหาไม่ให้ซ้ำเติมผู้ที่ป่วยอยู่เดิมตามนโยบายของอธิบดีกรมสุขภาพจิต กลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงนี้คือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคทางอารมณ์ที่พบมาก สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ทำให้ผู้ป่วยมีจิตใจและความคิดที่เปราะบางอ่อนไหวง่าย มีอาการซึมเศร้า เบื่อหน่าย หดหู่ ท้อแท้
ในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ขณะนี้มีผู้ป่วยอยู่ในระบบดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องกว่า 100,000 คน โรคนี้จำเป็นต้องได้รับยาควบคุมในระยาว เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง อาการเศร้าจะหายไป จิตใจแจ่มใสขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพได้ตามปกติ แต่หากผู้ป่วยได้รับสิ่งรุมเร้ากดดันทางจิตใจ มีทุกข์ทางใจเพิ่มขึ้น ก็อาจมีผลให้อาการรุนแรงขึ้นได้ง่ายกว่ากลุ่มคนอื่นๆ จึงต้องดูแลทั้งตัวผู้ป่วยเอง และญาติหรือคนรอบข้างไปพร้อมๆ กัน
ในการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย มีคำแนะนำ 6 ประการดังนี้ 1. ให้กินยาให้ต่อเนื่อง ครบตามจำนวน และตรงเวลาตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะสบายดีแล้วก็ตาม อย่าขาดยาอย่างเด็ดขาด การกินยาที่มีความต่อเนื่องจะทำให้จิตใจและอารมณ์มีความคงที่ อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะช่วยให้เราสามารถทนต่อสิ่งกดดันภายนอกที่รุมเร้าได้ดี อยากจะสู้ปัญหา ไม่เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง 2. ปรับลดความคาดหวังเป้าหมายให้พอดี เพื่อลดความกดดันตนเอง
3. ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยมองปัญหาแบบแยกแยะให้เป็นส่วนย่อยๆ และจัดเรียงความสำคัญก่อนหลัง แล้วลงมือปฏิบัติ จะช่วยให้รู้สึกว่าเรายังมีพลังทำอะไรได้ 4. ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ปรับวิธีการตามความเหมาะสมกับสถานที่ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจดีขึ้น 5. เลือกทำกิจกรรมที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดี มีความสุข ซึ่งมักจะเป็นที่เราเคยชอบ และ 6. อย่าเก็บความทุกข์ใจไว้คนเดียว ขอให้พูดคุย ปรึกษาปัญหากับผู้ที่เราใกล้ชิดให้ช่วยคิด มีหนทางคลี่คลาย
สำหรับในกลุ่มญาติและคนรอบข้าง ขอให้ยึดหลักสำคัญ 2 ประการ ที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหายป่วย อาการไม่ทรุด คือ ดูแลให้กินยาอย่างต่อเนื่องตรงตามเวลาที่แพทย์สั่ง และดูแลเรื่องกำลังใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมองเห็นข้อดี คุณค่าของตัวเอง มีกำลังใจต่อสู้ อยากมีชีวิตอยู่ โดยมีคำแนะนำให้ญาติยึดวิธีการดูแลใจผู้ป่วยด้วยหลัก 3 ควร และ 3 ไม่ ดังนี้
หลัก 3 ควร ที่ควรทำประกอบด้วย 1. รับฟังผู้ป่วย ด้วยความใส่ใจเข้าใจ โดยไม่ตัดสินใจใดๆ แทน เนื่องจากอารมณ์ของผู้ป่วยซึมเศร้าจะอ่อนไหวมาก หลายครั้งเข้าใจยาก การรับฟังกันจะช่วยให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกดีขึ้นว่ามีคนพร้อมที่จะเข้าใจในตัวเขาอย่างแท้จริง 2. อยู่เคียงข้างและเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ดีหรือรู้สึกทำให้แย่ออกมา จะเป็นวิธีการช่วยให้ผู้ป่วยได้ผ่อนคลายความตึงเครียดในใจลงได้อย่างมาก 3. สร้างพลัง ชวนผู้ป่วยให้ลุกมาทำกิจกรรมเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหว เช่น เล่นกีฬาเบาๆ เล่นเกม ทำงานอดิเรกเช่นปลูกต้นไม้ นอกจากจะช่วยลดความฟุ้งซ่าน ลดความหดหู่แล้ว การได้เคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้เกิดการหลั่งสารเอ็นโดรฟีน หรือสารแห่งความสุข ทำให้จิตใจผู้ป่วยสดชื่น แจ่มใส เบิกบาน
หลัก 3 ไม่ ที่ญาติพึงตระหนักอยู่เสมอ ได้แก่ 1. อย่าบอกปัดผู้ป่วย เนื่องจากจะทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกทันทีว่าไม่มีที่พึ่งพา หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นที่รำคาญ 2. อย่าทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้ป่วยพูด จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่ลง และ3. อย่าใช้คำพูดกดดันหรือเร่งรัดผู้ป่วย เช่นพูดว่าเมื่อไหร่จะหาย จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกดดัน ผิดหวังว่าตนเองเป็นบุคคลที่น่ารำคาญ เป็นภาระ
ทั้งนี้ ขอให้ญาติสังเกตอาการกำเริบของผู้ป่วย เช่น มีอารมณ์เศร้า ไม่หลับไม่นอน ไม่รับประทานอาหาร แยกตัว หรือดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ขอให้รีบพาไปสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทร.ปรึกษาที่สายด่วนของโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาฯ หมายเลข 06-1023-5151 และ 0-4423-3999 หรือสายด่วน กรมสุขภาพจิต หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง