เลย - ซึ้งใจไปทั่วแดนสยาม เมื่อผู้ว่าฯ เลยแอบเข้าโรงจำนำไถ่ถอนเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ทำการเกษตรให้ชาวบ้านได้ใช้ทำมาหากินในห้วงโควิด-19 ยังระบาดไม่หยุด ย้ำไม่ให้บอกใครเป็นคนไถ่ของให้ และยังได้ซื้อไข่ ข้าวสารแถมตอนมารับของอีกด้วย
แชร์กันสนั่นอีกครั้งเรื่องราวความใจดีใจพระของพ่อเมืองจังหวัดเลย ภายหลังเฟซบุ๊กของนายรัชนาท วานิชสมบัติ ซึ่งเป็นเลขาฯ หน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้โพสต์เรื่องของนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แอบเดินทางเข้าโรงจำนำเพื่อไปไถ่ถอนของเครื่องมือช่างของชาวบ้านที่มีความจำเป็นและเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจยุคโควิด-19 พร้อมทั้งได้ซื้อข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทิ้งไว้ให้กับชาวบ้านที่มารับของไถ่คืน พร้อมขอกำชับอย่าบอกให้ชาวบ้านว่าใครเป็นคนไถ่ถอนคืนให้
หลังจากโพสต์ลงในเฟซบุ๊กได้ไม่นาน ผู้คนในโลกออนไลน์เห็นแล้วต่างชื่นชมและแชร์โพสต์ออกไปอย่างกว้างขวาง โดยข้อความที่โพสต์ระบุว่า “สายๆ วันนี้พี่จะไปโรงรับจำนำแป๊บนึงนะ” สิ้นประโยคของผู้ว่าฯ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า คนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจะไปโรงรับจำนำทำไม? หรือว่าจะเอาของไปจำนำ ฉะนั้นเพื่อให้คลี่คลายความสงสัย จึงขออนุญาตท่านไปด้วย พอไปถึง ผู้ว่าฯ ก็ขออนุญาตพบผู้จัดการโรงรับจำนำเทศบาลเมืองเลย
ผมนั่งฟังอยู่ห่างๆ จับใจความได้ว่า ผู้ว่าฯจะมาไถ่ของที่จำนำไว้ (โอ้วว คนระดับผู้ว่าฯ มาใช้บริการโรงรับจำนำด้วย) นั่งฟังต่อจึงรู้ว่า ผู้ว่าฯ มาขอไถ่ของจำนำที่เป็นของประชาชนทั่วไป
แต่ไม่ได้ไถ่หมดทั้งโรงรับจำนำนะครับ ผู้ว่าฯ เลือกไถ่ของรับจำนำที่เป็นอุปกรณ์ประกอบอาชีพ เช่น สว่านไฟฟ้า หินเจียร และอุปกรณ์ดำรงชีพ เช่น หม้อหุงข้าว ผู้ว่าฯ ให้เหตุผลว่ามาไถ่คืนให้เจ้าของนั่นแหละ ให้เจ้าของอุปกรณ์เหล่านี้ได้นำไปทำมาหากินได้เลี้ยงชีพต่อไป โดยให้ผู้จัดการโรงรับจำนำช่วยเป็นธุระติดต่อผู้ที่ผู้ว่าฯ ไถ่ทรัพย์ให้นั้น ให้มารับโดยให้เอาถุงใหญ่ๆ มาด้วย เพราะผู้ว่าฯ ฝากข้าวสาร ไข่ไก่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ด้วย ผู้ว่าฯ ทิ้งท้ายด้วยว่า
“ไม่ต้องบอกพี่น้องประชาชนนะว่าใครเป็นคนไถ่ของให้ แต่ให้บอกว่าหากจะตอบแทนคนไถ่ของให้ ก็ให้ไปทำประโยชน์ให้แก่สังคมแบบไหนก็ได้ที่ถนัด หรือถ้าวันหนึ่งลืมตาอ้าปากได้แล้วก็คืนค่าไถ่ของได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีโรงพยาบาลเลย สมทบทุนสร้างตึก 10 ชั้นแทน”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายรัชนาท วานิชสมบัติ หรือ ป.เอ็ม เลขานุการของผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ป.เอ็มได้เปิดเผยว่า ตอนแรกท่านบอกว่าจะไปโรงจำนำซึ่งไม่มีในวาระงานของท่านเลย ท่านว่าจะออกไปแป็บเดียวก็กลับมา ยังคิดอยู่ในใจระดับผู้ว่าราชการจะเอาของไปจำนำหรือ จึงได้ขอติดตามไปด้วย พอไปถึงก็พูดคุยกับผู้จัดการโรงจำนำ ช่วงนี้ชาวบ้านเอาของมาจำนำเยอะมั้ย โดยเฉพาะเครื่องมือหากิน จำพวกสว่านไฟฟ้า เลื่อยไฟฟ้า อุปกรณ์การก่อสร้าง
จากการสำรวจด้วยสายตาพบมีประมาณ 30-40 รายการ แต่ละอย่างก็จำนำได้อย่างมากก็ไม่เกิน 1,000 บาท บางตัว 500 บาทก็มี ท่านจึงขอไถ่ถอนให้ชาวบ้านทั้งหมด พร้อมกำชับอย่าไปบอกกับชาวบ้านว่าใครเป็นผู้ไถ่ถอนให้ และยังให้ไปซื้อข้าวสาร มาม่า ไข่ ให้กับคนมารับของ ซึ่งทางผู้จัดการจะแจ้งไปกับผู้มาจำนำของ
หลังจากกลับมาท่านยังพูดว่าชาวบ้านเขาคงเดือดร้อนจริงๆ ไม่งั้นคงไม่เอาเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำมาหากินไปจำนำ ตนเองก็ขอขัดคำสั่งที่ไม่ให้บอกใคร แต่ตนว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงอยากจะให้ใครๆ ได้รับรู้ในเรื่องสิ่งดีๆ