เลย - ฉุดไม่อยู่! จ.เลย พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายที่ 5 เป็นหญิงอายุ 57 ปี ติดเชื้อจากผู้ป่วยรายที่ 3 เหตุทำงานที่เดียวกัน ชี้ผู้ป่วย 3 รายหลังสุดเชื่อมโยงกัน พร้อมตามตัวผู้มีความเสี่ยงตรวจหาเชื้อ ผู้ว่าฯเลยกำชับทำงานที่บ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมภูเรือ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเลย ศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเลย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย, นายแพทย์ชุมนุม วิทยานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย และนายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลย ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเลย ล่าสุดตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 แล้ว
นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย กล่าวว่า วันนี้จังหวัดเลยพบผู้ป่วยรายโควิด-19 รายใหม่ เพิ่ม 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ในเขตบ้านติ้ว อ.เมืองเลย ปัจจุบันรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลเลย ผลสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 3 หลายครั้ง เนื่องจากทำงานที่เดียวกัน นั่งโต๊ะทำงานห่างกันเพียง 1 เมตร และไปรับประทานอาหารด้วยกันบ่อยครั้งโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
เจ้าตัวเริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา และเข้ารับรับการรักษาที่โรงพยาบาลเลย ก่อนถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากการที่แพทย์ได้เรียกตัวผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 3 จำนวน 12 รายนั้น มาทำการตรวจสารคัดหลั่ง ก่อนพบว่ามีผู้ติดเชื้อ 2 ราย ได้แก่ สามีของผู้ป่วยรายที่ 3 ซึ่งผู้ป่วยรายล่าสุดนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้ป่วยรายที่สาม ส่วนอีก 10 ราย ผลตรวจเป็นลบ ทำให้จังหวัดเลยมีผู้ป่วยสะสมรวม 5 รายแล้ว
สำหรับการสอบสวนโรค คาดการณ์ว่ากรณีการติดเชื้อโควิด-19 ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายหลังนั้น น่าจะมีต้นตอมาจาก ผู้ป่วยรายที่ 4 ซึ่งเป็นข้าราชการอยู่ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย ซึ่งจากการสอบประวัติพบว่าเจ้าตัวเริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากเกณฑ์สอบสวนโรคนั้นหากย้อนหลังกลับไป 14 วันจะพบว่า ชายรายนี้ได้เดินทางไปยังกรุงเทพและปริมณฑล เพื่อไปสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 15-16 มีนาคม
จากนั้นได้เดินทางไประชุมที่จังหวัดของแก่นในวันที่ 17-18 มีนาคม ก่อนจะเดินทางกลับมายังพื้นที่บ้านก้างปลา อ.เมืองเลยในวันที่ 20 มีนาคม กลังจากนั้นยังได้เดินทางไปยัง จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ ด้วยรถส่วนตัวอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นทางจ.เลยได้ประสานไปยัง จ.ขอนแก่น เพื่อตามหาผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วยรายนี้มารายงานตัวแล้ว
ด้านนายแพทย์ชุมนุม วิทยานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย กล่าวว่า จากการสอบสวนประวัติของทีมสอบสวนโรค พบว่าผู้ป่วย 3 รายหลัง มีประวัติเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ทำให้ยังสามารถตีกรอบวงจรของผู้ติดเชื้อได้ โดยขณะที่ทีมสอบสวนโรคได้ทำการเรียกตัวผู้ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย 2 รายมาตรวจหาเชื้อแล้ว จำนวน 22 ราย คาดว่าจะทราบผลในวันพรุ่งนี้
ขณะที่นายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอเมืองเลย กล่าวว่า อำเภอเมืองเลยได้ออกคำสั่งกักตัวผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 3 และ 4 แล้ว ส่วนรายที่ 5 เบื้องต้นทีมสอบสวนโรคได้ทำการติดตามตัวผู้ที่มีความเสี่ยงจำนวน 7 ราย และกำลังออกหนังสือกักตัวแล้ว ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรคกำลังเร่งดำเนินการตามหาผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจหาเชื้อต่อไป
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวตอนท้ายว่า จากกรณีเคสผู้ป่วย 3 ราย ที่ถูกตรวจพบเชื้อนั้นจะเห็นได้ว่าเกิดจากการสัมผัสโดยตรง และไม่ป้องกันตนเอง ทั้งไม่ใส่หน้ากากอนามัยและเดินทางออกนอกจังหวัดเลย โดยกลับมาแล้วไม่กักตัวตามคำสั่ง จากนี้คณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเลยจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนประชาชนทั่วไปหากไม่มีความจำเป็น ขอให้งดการเดินทางในช่วงนี้ และขอร้องให้ประชาชนทุกคนระมัดระวังตนเองโดยสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทางท้องถิ่นได้มีการผลิตและแจกจ่ายไปตามชุมชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกัน
สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาการทำงานแบบ Work From Home เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 และนำมาตรการเหลื่อมเวลาทำงานมาใช้เพื่อลดปริมาณคนทำงานในสำนักงาน หากหน่วยงานใดมีคนทำงานไม่มาก ให้ใช้วิธีการจัดโต๊ะทำงานให้ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร เชื่อว่าหากทุกคนรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และปฏิบัติตนตามข้อสั่งการของกระทรวงสาธารณสุข อีกไม่นานจังหวัดเลยจะฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้