ตราด - ตร.ภูธรจังหวัดตราด ประสานเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง เตรียมเอาผิดผู้ค้าผลไม้ริมถนน หลังสร้างความเดือดร้อนประชาชน ทั้งจอดรถเป็นแถวยาว กวักมือเรียกรถขนผลไม้กลางถนน วางตะกร้าข้างทาง ขนถ่ายผลไม้ระหว่างรถยนต์กับรถยนต์โดยไม่สนใจอุบัติเหตุ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (21 เม.ย.) นายสมเดช โสภณดิเรกรัตน์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตราด ร่วมกับ พ.ต.อ.วิเชียร ยันตรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตราด และ พ.ต.ท.วิษณุ แพทย์พิทักษ์ รักษาราชการแทนสารวัตรจราจร สภ.เมืองตราด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการตั้งปัญหาการจอดรถยนต์ริมถนนสายสุขุมวิท ของกลุ่มผู้รับซื้อผลไม้ที่พากันมาจอดรอรับซื้อผลไม้ชนิดต่างๆ ที่ชาวสวนนำออกมาขาย จนได้รับการร้องเรียนว่าส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน ในพื้นที่ เพราะเป็นการซื้อขายสินค้าข้างทางจนเกรงว่าจะเกิดปัญหาอุบัติเหตุขึ้นได้
นอกจากนั้น ยังได้รับการร้องเรียนว่า ตั้งแต่เวลา 13.00 น.ของทุกวัน ผู้รับซื้อผลไม้จะพากันนำรถยนต์มาจอดริมถนนเพื่อรอรับซื้อผลผลิตจากชาวสวน และบางรายได้สั่งให้ลูกน้องออกไปกวักมือเรียกรถขนผลไม้ของชาวสวนถึงกลางถนน ซ้ำยังตั้งวางตะกร้าผลไม้บริเวณข้างทางไม่น้อยกว่า 10 จุด
ขณะที่บางรายถึงกับขนถ่ายผลไม้ระหว่างรถยนต์กับรถยนต์บริเวณข้างทาง โดยไม่สนใจเรื่องของอุบัติเหตุ
พ.ต.อ.วิเชียร ยันตรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตราด ที่ได้รับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ให้ดำเนินการแก้ไขจึงได้มาหารือกับทางแขวงการทางจังหวัดตราด เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
เบื้องต้น ตำรวจภูธร จ.ตราด และแขวงการทางหลวงตราด ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกนำโดย พ.ต.อ.วิเชียร ยันตรัตน์ รับผิดชอบพื้นที่เขต อ.เมือง ส่วนนายสมเดช โสภณดิเรกรัตน์ รับผิดชอบเขต อ.เขาสมิง โดยมี พ.ต.ท.วิษณุ แพทย์พิทักษ์ นำทีมตำรวจร่วมดำเนินการ
โดยพบผู้ค้า-ขายผลไม้บนทางหลวงบริเวณในพื้นที่ 3 อำเภอ จำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่จึงว่ากล่าวตักเตือนเรื่องการกระทำผิด พ.ร.บ.ทางหลวง และให้เก็บตระกร้าผลไม้ออกจากพื้นถนน และหากพบว่ามีการกระทำผิดอีกจะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
นายสมเดช กล่าวว่า การวางสิ่งของบนพื้นที่เขตทางหลวงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง ซึ่งที่ผ่านมาได้แจ้งให้ทางผู้รับซื้อทราบแต่ก็พบว่ายังไม่มีการแก้ไข ในวันนี้จึงยังจะอนุโลมให้ผู้รับซื้อเก็บตระกร้าและสิ่งของ รวมทั้งรื้อเต็นท์ให้แล้วเสร็จ แต่หากพบยังพบว่ากระทำผิดอีกก็จะดำเนินการโดยเด็ดขาดด้วยการส่งฟ้องศาลซึ่งจะมีโทษทั้งจำและปรับ