บุรีรัมย์- จนท.ชุดปราบโควิด จ.บุรีรัมย์ ตามจับได้ถึงบ้านหนุ่ม 32 ปี ชาว อ.ละหานทราย หนึ่งในคนไทยที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่นมาถึงสนามบินสุวรรณแต่หลบหนีการกักตัว พร้อมภรรยาและญาติส่งเข้าศูนย์กักกันผู้กระทำผิด เจอดำเนินคดีข้อหาหลบหนีการกักตัวตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เร่งล่าตัวอีก 2 ราย
วันนี้ (4 มี.ค.) นายธัชกร หัตถาธยากูร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ , นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ , พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และ นายแพทย์พิเชษฐ์ พืดขุนทด ผู้แทนจากสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ที่บริเวณศูนย์กักกันผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ โควิด 19 เรื่อง การดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในการกักกันตัว ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบโควิด-19 ได้ไปติดตามจับกุมตัว นายนิวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ที่บ้านหนองตาแอก ต.ละหานทราย หนึ่งในคนไทยกว่า 150 คน ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ปฏิเสธการกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข แต่กลับเดินทางกลับบ้านที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายนิวัฒน์ พร้อมภรรยา และและญาติ ซึ่งเดินทางไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยรวม 3 คน มายังศูนย์กักกันผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ โควิด 19 ภายในสนามแข่งรถของเอกชน เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากเดินทางกลับจาประเทศเสี่ยงระบาด
สำหรับ นายนิวัฒน์ นอกจากจะถูกกักตัวเข้มแล้ว ยังจะถูกดำเนินคดีข้อหาหลบหนีการกักตัว ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ด้วย
ทั้งนี้จากข้อมูลการตรวจสอบพบว่า คนไทยที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่หนีการกักตัวจากสนามบินสุวรรณภูมิในครั้งนี้ จำนวน 3 คน เป็นชาวอ.ละหานทราย ซึ่งจับตัวได้แล้ว ส่วนอีก 2 คน คือ เป็นชายชาว อ.กระสัง และชายชาว อ.โนนสุวรรณ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ย้ำว่าจะต้องติดตามตัวมาเข้าสู่กระบวนการกักตัวให้ครบทั้ง 3 คน