ศูนย์ข่าวภูมิภาค - คนเลี้ยงช้างทั้งเหนือ-อีสาน-ใต้ร้อนใจกันทั่ว..เรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสคนใช้ภาพช้างผอมโซรับบริจาคช่วยช้างฝ่าวิกฤตโควิด-19 อ้างทำเพื่อช้างทั่วไทย เผยทั้งคนเลี้ยง-ปางช้างหลายแห่งยืนยันไม่เคยได้รับการติดต่อใดๆ
นายเหมา ทรัพย์มาก หรือที่คนวงการช้างไทยรู้จักกันทั่วไปในนาม “ผู้ใหญ่เหมา” ผู้นำกลุ่มช้างวัฒนธรรมสุรินทร์ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของคนเลี้ยงช้างใน จ.สุรินทร์ เพื่อนำช้างรับงานในเชิงวัฒนธรรมทั้งการแสดงยุทธหัตถี งานบุญต่างๆ หรือแม้กระทั่งนำไปแสดงภาพยนตร์ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ในภาวะวิกฤตครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเราก็ได้รับผลกระทบที่หนักพอสมควร งานต่างๆ ที่รับไว้ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด และเรายังคืนเงินมัดจำให้เจ้าภาพหรือเจ้าของงานที่ติดต่อมาด้วย เพราะเห็นใจกันว่าทุกคนก็ต้องลำบากกันหมดในภาวะวิกฤตโควิด-19 ระบาดเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ช้างสุรินทร์มีโครงการคชอาณาจักร ขึ้นต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ ให้สำรวจรายชื่อช้างในกลุ่มช้างวัฒนธรรมที่กำลังตกงานกันอยู่ และช้างของพวกเราชาวสุรินทร์ที่ไปทำงานตามปางช้างท่องเที่ยวต่างๆ ก็ทยอยกลับบ้านกันมาบ้างแล้วเพราะไม่มีงานทำ
ซึ่งทางผู้ที่ติดต่อมาแจ้งว่ามีสมาคมสหพันธ์ช้างไทยจะให้ความช่วยเหลือเรื่องอาหารช้าง รวมทั้งนายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ก็ได้โทรศัพท์ติดต่อมาโดยตรงที่ตนถึงเรื่องของการสนับสนุนอาหารช้างในระหว่างนี้ และล่าสุดความช่วยเหลือจากสมาคมสหพันธ์ช้างไทยก็ได้มาถึงสุรินทร์แล้ว ซึ่งตนก็ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งด้วยความซาบซึ้งใจที่ชาวช้างไทยห่วงใยไม่ทอดทิ้งกันในภาวะวิกฤตอย่างนี้ และเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลา
เพราะก่อนหน้านี้พวกตนก็ค่อนข้างลำบากในการออกไปหาอาหารให้ช้าง ต้องออกไปหาตัดหญ้าในแหล่งธรรมชาติต่างๆ ซึ่งก็แห้งแล้งหาได้ยาก ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวทางโครงการคชอาณาจักร จ.สุรินทร์ กับคนเลี้ยงช้าง ก็ได้มีการวางแผนปลูกหญ้าเพื่อเป็นแหล่งอาหารช้าง
ขณะที่แหล่งข่าวคนเลี้ยงช้าง จ.สุรินทร์ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการที่มีองค์กรบางแห่งออกมาประกาศรับเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป โดยอ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือช้างทุกปางทั่วประเทศ ซึ่งพวกตนกลุ่มคนเลี้ยงช้างส่วนใหญ่ใน จ.สุรินทร์ไม่ได้รับการติดต่อให้ความช่วยเหลืออะไรเลย แต่กลับนำภาพช้างที่ซูบผอมอดโซไปประกาศรับเงินบริจาค เหมือนกับว่าคนเลี้ยงช้างทั่วประเทศไม่เอาใจใส่ดูแลช้างจนช้างจะอดตาย เป็นการสร้างภาพที่ชวนหดหู่น่าอดสูเกินไป
พวกตนขอตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะเป็นภาพปัจจุบันของช้างตัวนี้ เพราะช้างในภาพนั้นพวกเราชาวช้างสุรินทร์จำได้ดีว่าเป็นช้างจากจังหวัดสุรินทร์นี่เอง ที่มีคนติดต่อมาซื้อไปในราคาถูกเมื่อนานมาแล้ว และนำไปเลี้ยงไว้ที่เชียงใหม่
นางวาสนา ทองสุก ชัยเลิศ กรรมการผู้จัดการปางช้างแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ในฐานะคนที่ทำธุรกิจปางช้างมานาน เราทำธุรกิจก็ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา โดยเฉพาะธุรกิจของเราเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง หรือผลกระทบจากโรคระบาดอย่างที่เราเคยเจอมาแล้วทั้งโรคซาร์ส โรคเมอร์ส เราก็ผ่านมาแล้ว จึงต้องเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้ตลอดเวลา
ส่วนวิกฤตครั้งนี้ก็ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงขนาดนี้ แต่เราก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อช้างของเรา ผลกำไรที่เคยได้มาจากการทำธุรกิจเราก็กันไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ไม่อยากจะให้เป็นภาระของคนอื่น เพราะทุกคนต่างก็ต้องประสบปัญหาในภาวะวิกฤตนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากปัญหานี้ลากยาวไป เราก็พร้อมที่จะนำทรัพย์สินที่เรามีนำมาแปรสภาพเป็นเงินเพื่อดูแลช้างของเราต่อไปไม่ให้เป็นภาระของสังคม
เจ้าของปางช้างแม่แตงยังได้เปิดเผยอีกว่า แม้เราจะไม่เปิดรับบริจาคเป็นตัวเงิน แต่ก็ยินดีหากคนรักช้างเป็นห่วงช้างและมีความพร้อมที่จะเสียสละเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช้าง ก็สามารถซื้อกล้วยหรืออ้อยและผลไม้อื่นๆ มาป้อนช้างได้ จะมาที่ปางเราหรือปางช้างอื่นๆ ที่อยู่ใกล้และสะดวกต่อการเดินทางก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือการให้ขวัญให้กำลังใจต่อคนเลี้ยงช้าง เป็นการแสดงความผูกพันของพวกเราชาวไทยกับช้างไทย
หรือถ้าท่านใดมีความพร้อมที่จะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือช้างในปางช้างที่ขาดแคลน ก็สามารถติดต่อบริจาคได้โดยตรงที่ “สมาคมสหพันธ์ช้างไทย” ซึ่งเป็นองค์กรที่พวกเราคนเลี้ยงช้างจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลช้างไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีกรรมการจากหลายภาคส่วนคอยดูแล สามารถตรวจสอบได้ มีการเปิดเผยยอดรับบริจาคหน้าบัญชีผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “สมาคมสหพันธ์ช้างไทย” ทุกวัน สามารถติดตามความคืบหน้าได้ตลอดว่าทางสมาคมสหพันธ์ช้างไทยนำเงินบริจาคไปใช้อย่างไรบ้าง มีความชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้จริง
นางวาสนายังได้กล่าวต่อไปว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงการนำภาพช้างแก่ๆ ท่าทางเจ็บป่วยน่าสงสารมาประกอบการเรียกรับเงินบริจาคว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีช้างที่ไหนที่จะอดอยากกันขนาดนั้น เป็นภาพเก่านำมาเล่าใหม่เพื่อสร้างภาพน่าสงสารเพื่อกระตุ้นให้คนใจอ่อนบริจาคหรือเปล่า มีความบริสุทธิ์ใจจริงหรือที่ทำแบบนี้ ซึ่งหลายๆ ครั้งแล้วที่องค์กรนี้ทำแบบนี้ จนกระทั่งมีคนแชร์ภาพนั้นไปมากมายว่อนไปทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ก็แชร์กันไปอย่างมากมาย ซึ่งเชื่อแน่ว่าได้รับบริจาคไปไม่น้อยแล้วกับการนำภาพเก่าของช้างป่วยมาหากิน
“ในฐานะคนเลี้ยงช้างคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้องค์กรแห่งนั้นเปิดเผยยอดรับบริจาคว่าตั้งแต่เปิดรับบริจาคมานั้นได้รับไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรที่จะเปิดเผยออกมา บอกเลยว่าได้ไปแล้วเท่าไหร่ เอาไปใช้อะไรบ้าง ช่วยอะไรที่ไหนอย่างไร อย่าบอกว่าจะสรุปยอดบริจาคและชี้แจงบัญชีรับ-จ่ายทีหลัง”
เพราะคนเลี้ยงช้างเขาฝากถามมาว่าอะไรอย่างไรกันแน่ และควรที่จะมีการตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่าก่อนหน้านี้มีการบริหารจัดการเรื่องการเงินอย่างไร โปร่งใสหรือไม่ เพราะเห็นว่ามีการรับบริจาคเงินจากองค์กรต่างชาติด้วย อยากจะเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาตรวจสอบให้ด้วย และยังมีข้อสังเกตจากคนเลี้ยงช้างไทยบางกลุ่มว่าในการเรียกรับบริจาคขององค์กรนี้ในครั้งนี้เพื่อไปช่วยเหลือปางช้างต่างๆ นั้นจะเป็นไปเพื่อสร้างอิทธิพลเพื่อครอบงำคนเลี้ยงช้างหรือไม่
เช่นเดียวกับนางสาวฐิติมา มานะสุข เจ้าของปางช้างไอเลิฟเอเลแฟนท์สมุย อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จากภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ปางช้างของเราก็เจอปัญหาเหมือนกับทุกที่เพราะนักท่องเที่ยวไม่มีเลย และปางช้างก็ต้องปิดตัวลงชั่วคราวด้วยตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของโรคของรัฐบาล
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเราก็คือใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับเพื่อนๆ และนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนปางช้างของเราทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งเขาก็ได้ให้ความช่วยเหลือมาในเรื่องของค่าอาหารช้าง และยังมีความช่วยเหลือจากสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาด้วยความร่วมมือของคนเลี้ยงช้างทั่วประเทศไทย ได้ให้ความช่วยเหลือบริจาคอาหารช้างมาด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ช้างเรามีอาหารที่เพียงพอ ไม่ถึงขั้นลำบากอะไร และโดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากมูลนิธิที่เปิดรับบริจาคว่าจะนำเงินไปช่วยช้างทั่วประเทศแต่อย่างใด
เจ้าของปางช้างไอเลิฟเอเลแฟนต์สมุยยังได้เปิดเผยต่อไปว่า แต่ถ้ามีใครสนใจที่จะให้กำลังใจให้อาหารช้างก็สามารถซื้อกล้วยอ้อยนำมาให้ช้างที่ปางช้างเลยก็ได้ เพราะช้างเป็นสัตว์ที่กินเยอะมากๆ สามารถกินได้ตลอดเวลาเพราะมีร่างกายที่ใหญ่โตมาก ใครรักช้างห่วงช้าง อยู่ใกล้ช้างที่ไหนก็สามารถที่จะนำอาหารไปเลี้ยงช้างได้เช่นกัน
สพ.ญ.ทิตฏยา จรรยาเมธากุล สัตวแพทย์ประจำปางช้างภัทรฟาร์ม อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และสัตวแพทย์จิตอาสาสมาคมสหพันธ์ช้างไทย กล่าวว่า ในช่วงภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ เท่าที่ได้เดินทางตรวจสุขภาพช้างในปางช้างต่างๆ ยังไม่พบว่าช้างมีปัญหาสุขภาพอะไรหนักมากเป็นพิเศษ มีเพียงการระคายเคืองตาเพราะควันไฟป่าบ้าง แต่ไม่พบว่ามีช้างขาดอาหารอย่างรุนแรง
“แม้เป็นหน้าแล้ง หญ้าปลูกก็แทบไม่มี แต่ควาญก็ยังคงพยายามหาอาหารมาป้อนให้ช้าง ก็จะเป็นพวกต้นข้าวโพด ต้นกล้วยแทน ปริมาณอาจจะน้อยลงบ้างเพราะหายากและราคาแพง และอาหารเสริมหลายๆ อย่างที่ก็ไม่สามารถจัดหาให้ช้างได้เพราะขาดรายได้จากนักท่องเที่ยว ในพื้นที่ปางที่อยู่ใกล้ชายป่าก็ไม่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติได้แล้วเนื่องจากถูกไฟป่าเผาไป ซึ่งในระยะยาวก็คงต้องแก้ปัญหากันไปตามสภาพ”
สพ.ญ.ทิตฏยาเปิดเผยต่อว่า นอกจากงานประจำคือสัตวแพทย์ประจำปางช้างภัทรฟาร์ม อ.หางดง แล้ว ตนยังทำงานเป็นสัตวแพทย์จิตอาสาให้สมาคมสหพันธ์ช้างไทยด้วย ซึ่งในภาวะปกติทำหน้าที่รับแจ้งเรื่องสุขภาพช้าง ออกตรวจสุขภาพและรักษาช้าง กรณีช้างต้องส่งโรงพยาบาลจะทำการประสานกับทางโรงพยาบาลช้างทั้งของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยและมูลนิธิเพื่อนช้าง ในช่วงโควิดนี้ได้ออกสอบถามเรื่องสุขภาพช้าง ตรวจสุขภาพพร้อมการออกแจกผลไม้และอาหารช้าง ในงานที่เพิ่มขึ้นคือการติดต่อประสานการช่วยเหลือไปยังเจ้าของช้างแต่ละจังหวัด และสอบถามเรื่องสวัสดิภาพของช้างทั่วไปจากผู้เลี้ยง
ส่วนในด้านของงบประมาณดูแลช้าง ทางสมาคมสหพันธ์ช้างไทยได้รับโดยตรงจากการบริจาคทั้งหมด และในการทำงานของสมาคมสหพันธ์ช้างไทยนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากปางช้างต่างๆ ที่เป็นสมาชิก ทั้งในเรื่องของกำลังคน และยานพาหนะต่างๆ
สมาคมสหพันธ์ช้างไทยเป็นองค์กรที่จดทะเบียนเป็นสมาคมอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีการขออนุญาตรับเรี่ยไรบริจาคอย่างถูกกฎหมาย มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนช่วยกันดูแลเรื่องการเงิน ทำงานอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ คณะทำงานประกอบด้วยปางช้างต่างๆ และสัตวแพทย์ทั้งจากปางช้างเอกชนและภาคราชการ สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ “สมาคมสหพันธ์ช้างไทย”