xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านคลิตี้ร้องศาลปกครอง เผยห้วยคลิตี้ยิ่งฟื้นฟู สารตะกั่วยิ่งแพร่กระจาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ผอ.ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เผยชาวบ้านคลิตี้ร้องศาลปกครอง เหตุยิ่งฟื้นฟูลำห้วย สารตะกั่วยิ่งแพร่กระจาย หลังพบน้ำจากถุงเก็บตะกอนที่ปล่อยลงสู่ลำห้วยคลิตี้เกินค่ามาตรฐานเกือบ 100 เท่า

วันนี้ (18 เม.ย.) นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ชาวบ้านหมู่บ้านคลิตี้ล่าง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่ตะกั่วที่ปล่อยมลพิษจากการทำเหมืองลงสู่ลำห้วยคลิตี้ ทำให้ชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตาย ได้ยื่นหนังสือถึงศาลปกครองกลาง จากกรณีที่กรมควบคุมมลพิษ ฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ให้ปราศจากมลพิษ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ให้เร่งไต่สวนโดยด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชาวบ้าน

ในหนังสือระบุว่า หลังจากที่กรมควบคุมมลพิษได้เริ่มดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วตามคำ พิพากษาตั้งแต่ปลายปี 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน กำลังดำเนินงานขั้นตอนการดูดตะกอนตะกั่วท้องน้ำใส่ถุงเพื่อนำไปฝังกลบในหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย ในระหว่างที่มีการดูดตะกอน ชุมชน และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกรรมการไตรภาคีมีความห่วงกังวลว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ตรวจวัดและติดตามเฝ้าระวังการฟุ้งกระจายของตะกอน โดยพบว่ามีการฟุ้งกระจายของตะกอนตะกั่วท้องน้ำจนเกิดความขุ่นเป็นระยะทางไกลถึง 4 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่าน้ำที่รีดออกมาจากถุงเก็บตะกอนและไหลกลับลงไปในลำห้วยโดยตรงมีค่าตะกั่วสูงกว่าค่ามาตรฐานถึงเกือบ 100 เท่า ซึ่งจะมีน้ำและตะกอนที่ปนเปื้อนตะกั่วจำนวนมากในลำห้วยคลิตี้

รวมทั้งจากข้อมูลการตรวจวัดความขุ่นของน้ำหลังม่านดักตะกอนมีค่าสูงขึ้นกว่าค่าตามธรรมชาติถึงกว่า 10 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเกิน 1,000% ซึ่งเกินกว่าที่ข้อกำหนด (TOR) การขุดลอกลำห้วยคลิตี้ฯ กำหนดว่าหากการขุดลอกตะกอนทำให้ความขุ่นเพิ่มขึ้นจากค่าฐานตามธรรมชาติเกิน 10% ให้หยุดขุดลอกชั่วคราวจนกว่าความขุ่นของน้ำจะกลับมาเป็นค่าตามธรรมชาติ

จากการดำเนินการดูดตะกอนตะกั่วดังกล่าวทำให้อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนในระยะยาว และจะทำให้การฟื้นฟูดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วได้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากมีการฟุ้งกระจายของตะกอนตะกั่วจนเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการดำเนินการฟื้นฟูที่ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ การละเลยไม่ปฏิบัติตามาตรฐานความปลอดภัย ตามข้อกำหนดการดำเนินงานโครงการฯ (TOR) การฟุ้งกระจายของตะกอนดังกล่าวเมื่อดูดตะกอนเสร็จสิ้นแล้ว ธรรมชาติอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูน้ำที่ปนเปื้อนสารตะกั่วยาวนานกว่า 7 ปี และไม่บรรลุผลตามคำพิพากษา

ทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันต้องเผชิญต่อปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หน่วยงานรัฐออกมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกหมู่บ้านคลิตี้ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนที่ปกติเดิมต้องอาศัยอาหารจาก ภายนอกมาบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงการปนเปื้อนสารตะกั่ว ก็ไม่สามารถเดินทางออกไปได้ จึงทำให้ต้องจับสัตว์น้ำ เก็บผักตามลำห้วย และบางครัวเรือนที่ขาดแคลนน้ำ ก็ต้องสูบน้ำขึ้นมาจากลำห้วยมาอุปโภค บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน นอกจากจะทำให้ชาวบ้านมีค่าตะกั่วในเลือดพุ่งสูงขึ้นได้ ก็ยังทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้การฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ตามคำพิพากษาเป็นไปอย่างรอบคอบ และปลอดภัยต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ชุมชนคลิตี้ผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยขอให้ศาล


1.นัดไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน เพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ตามคำพิพากษาโดยวิธีดูดตะกอน ทั้งบริเวณชุมชนคลิตี้บน และบริเวณชุมชนคลิตี้ล่าง 10 จุด ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยให้กรมควบคุมมลพิษ และผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อห่วงกังวลต่างๆ

2.ตรวจสอบแผนงานและข้อกำหนดโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ (TOR) ก่อนเริ่มดำเนินการดูดตะกอนบริเวณลำห้วย

3.มีคำสั่งแจ้งให้กรมควบคุมมลพิษหยุดการดำเนินการฟื้นฟูโดยการดูดตะกอนที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะหามาตรการป้องกันผลกระทบและเยียวยาชุมชนที่เหมาะสมและเป็นธรรมตามหลักการป้องกันไว้ก่อน (Precautionary principle)

4.สั่งให้กรมควบคุมมลพิษออกหนังสือรับรองแก่ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในตรวจสอบและเก็บข้อมูลการตรวจวัดการฟุ้งกระจายโดยเร่งด่วนในระหว่างสถานการณ์จำกัดการเข้าพื้นที่ป้องกันไวรัส COVID-19 ด้วย

หลังจากนี้ สำนักบังคับคดีปกครองจะทำหนังสือสอบถามไปยังกรมควบคุมมลพิษ เพื่อให้ชี้แจงประเด็นในคำร้อง และรอศาลมีคำสั่งว่าจะให้มีการนัดไต่สวนคำร้องหรือไม่อย่างไรต่อไป








กำลังโหลดความคิดเห็น