บุรีรัมย์ - ผู้การตำรวจบุรีรัมย์แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนเร่งสางคดีนักโทษก่อเหตุจลาจลจุดไฟเผาอาคารเรือนนอน และหลบหนีออกจากเรือนจำ เผยรู้ตัวหัวโจกแล้ว จ่อแจ้งเพิ่ม 3 ข้อหาหนัก ยังพุ่งเป้าปมเหตุจูงใจกลุ่มนักโทษหนักปล่อยข่าวลือมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สร้างสถานการณ์วุ่นวายเพื่อหลบหนี
วันนี้ (8 เม.ย.) พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีรโชติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีผู้ต้องขังก่อเหตุจลาจล วางเพลิงเผาอาคารเรือนนอน สิ่งปลูกสร้าง ทรัพย์สินในเรือนจำ และหลบหนีออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้งจากตำรวจภูธรภาค 3 และในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ และแนวทางการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากคดีนี้มีผู้ต้องขังจำนวนมากกว่า 2,000 คน และหลังเกิดเหตุได้ถูกเคลื่อนย้ายไปคุมขังในเรือนจำยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นอุปสรรค และความยุ่งยากในการสอบสวน จึงจำเป็นต้องตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนเพื่อให้เกิดความสะดวกในการสอบสวน
พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ความสำคัญ รวมถึงสื่อมวลชนและสังคมให้ความสนใจ ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งเกิดความเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต้องตั้งคณะพนักงานสอบสวนทั้งจากตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมในการสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าการสืบสวนสอบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว และน่าจะรู้ตัวหัวโจกหรือผู้ร่วมก่อเหตุบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดตรงนี้ได้
ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุจลาจลครั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นยังให้น้ำหนักไปที่ผู้ต้องขังที่ถูกตัดสินโทษหนักหรือจำคุกตลอดชีวิต ฉวยโอกาสช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปล่อยข่าวลือว่าในเรือนจำมีคนติดเชื้อโควิด สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน แล้วอาศัยช่วงดังกล่าวก่อเหตุจลาจล และหลบหนีออกจากเรือนจำ ส่วนผู้ที่ร่วมกระทำผิดในการก่อจลาจลครั้งนี้จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 3 ข้อหา “หลบหนีออกจากที่คุมขัง, ทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาทรัพย์” ซึ่งต้องรอการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อมูลหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครมีส่วนร่วมในการกระทำผิดข้อหาใดบ้าง
