ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกประกาศสั่งปิดโรงแรมทั้งจังหวัด นอกจากนั้น ประชาชนในเขตจังหวัดทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง หากฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 20,000 บาท
วันนี้ (4 เม.ย.) นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งให้ปิดสถานที่ชุมนุมชนและสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดต่างๆ ไว้เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 30 เม.ย. และกำหนดมาตรการให้คนต่างด้าวไม่รวมสัญชาติกัมพูชา ลาว และพม่า ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มารายงานตัวเพื่อตรวจสอบคัดกรองโรค
ล่าสุด ได้ลงนามในคำสั่งเพิ่มเติม ให้ทุกอำเภอจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ตำบล หมู่บ้านชุมชน ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค เพื่อสกัดกั้นการเข้าออกของบุคคลที่มีความเสี่ยง กรณีมีเหตุสงสัยว่าเป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้ดำเนินการกักตัว คุมตัวไว้สังเกตอาการ และให้มารับการตรวจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ
“ให้ปิดโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตาม พ.ร.บ.โรงแรม พุทธศักราช 2547 ทุกประเภท และสถานประกอบการที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน ยกเว้นโรงแรมที่ราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม หรือสถานที่พักเพื่อสังเกตอาการ หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นในทางราชการ ในการแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด-19 สำหรับโรงแรมที่มีผู้เข้าพักอยู่ก่อนจะมีคำสั่ง ให้ผู้เข้าพักสามารถเข้าพักต่อไปได้จนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมด แล้วให้ปิดทันทีโดยไม่ให้มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก และให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพัก แจ้งจำนวนและรายชื่อผู้เข้าพัก พร้อมทั้งวันที่ครบกำหนดที่ต้องออกจากห้องพักให้อำเภอทราบ”
นอกจากนั้นในประกาศคำสั่ง ได้กำหนดให้ประชาชนในเขตจังหวัดทุกคน ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง หากฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 20,000 บาท
รวมทั้งห้ามเรือที่แจ้งออกมาจากต่างจังหวัดเข้าท่าในเขตจังหวัด ยกเว้นมีเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย กรณีเรือประมงพื้นบ้านที่จะออกทำการประมงในห้วงเวลาเคอร์ฟิว ให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อแจ้งการเข้าออกในพื้นที่ ส่วนการทำเกษตรในช่วงเคอร์ฟิว เช่น ประมง ให้ขออนุญาตโดยวาจากับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอในพื้นที่