ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยารุกหนักมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เดินหน้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วเมืองหลังพบอัตราการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปสูงต่อเนื่อง วอนประชาชนให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ป้องกันตัวเอง
วันนี้ (2 เม.ย.) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา เผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ อ.บางละมุง และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่มีจำนวนสูงมาก ว่า เมืองพัทยา ได้กำหนดมาตรการเข้มในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ ด้วยการจัดทีมเจ้าหน้าที่ออกพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วทุกพื้นที่ในเขตเมืองพัทยา โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อเข้าไปสัมผัสเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมา เมืองพัทยา จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการในการปฏิบัติงาน จึงต้องจัดสร้างกลุ่มคนจิตอาสาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 จนต้องตกงานแต่ยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง เข้ามาเป็นกำลังในการลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
โดยได้แบ่งพื้นที่การทำงานของกลุ่มจิตอาสาไปยังชุมชนต่างๆ ทั้ง 42 ชุมชนของเมืองพัทยา และจะมีเจ้าหน้าที่ในแต่ละชุมชนเป็นผู้แจ้งจุดที่มีความเสี่ยงและจุดที่มีประชาชนเข้าใช้บริการบ่อยครั้ง เพื่อจะได้นำเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อออกดำเนินการ
“ประชาชนจิตอาสาที่ลงไปทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัส จะต้องผ่านการอบรมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองพัทยา ส่วนการทำความสะอาดพื้นที่เสี่ยงจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนโรคเมืองพัทยา ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องกักตัวผู้ที่สัมผัสกับคนติดเชื้อเป็นเวลา 14 วันด้วย”
นายมาโนช ยังเผยอีกว่า ยอดผู้ติดเชื้อในเมืองพัทยา ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถือเป็นภาวะเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องและอยู่ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ได้มีการกักตัวเนื่องจากยังไม่มีการแพร่ระบาดในกลุ่มประเทศแถบยุโรป
กระทั่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้เริ่มดำเนินมาตรการป้องกันแบบเข้มข้น พร้อมฝากเตือนไปยังชาวพัทยา ที่จะออกจากบ้านหากพบเห็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรปไม่สวมหน้ากากอนามัย ให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ เพื่อช่วยกันยับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่