นครปฐม - “พ่อน้องแอมป์” เผยลูกสาวบอกรักย้ำ ก่อนถูกแทงคืนเดียว โดยได้นอนกอดกันทั้งคืน เพราะเช้าอีกวันจะเป็นวันเกิด มีเพียงคลิปหยอกล้อคืนสุดท้ายไว้ดูต่างหน้า ส่วนผู้ใหญ่บ้าน บอก จิตรลดามือแทงอาการปกติก่อนเกิดเหตุ
จากกรณี น.ส.จิตรลดา ตันติวานิชชยสุข อายุ 51 ปี 42/2 หมู่ 4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก่อเหตุใช้มีดปอกผลไม้แทง ด.ญ.ทิพรดา หอมสุวรรณ หรือน้องแอมป์ อายุ 5 ขวบ นร.ชั้นอนุบาล 2 ร.ร.วัดกลางคูเวียง เสียชีวิตขณะนอนกลางวันกับย่า ที่ร้านขายอาหารตามสั่งตั้งอยู่บริเวณหมู่ 4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จากนั้นแม่และพี่สาวได้นำตัวมามอบตัวที่ สภ.นครชัยศรี ซึ่งเป็นหญิงคนเดียวกับที่เคยก่อเหตุบุกแทงนักเรียนเซ็นต์โยเซฟคอนแวนต์ เขตสาทร กรุงเทพฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน และถูกดำเนินคดี ศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ติดจริง 4 ปี โดยญาติได้นำไปรักษาตัวล่าสุดเมื่อ 1 เดือนเศษ และกลับมาก่อเหตุดังกล่าว
วันนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าโดย นายทะนงศักดิ์ หอมสุวรรณ หรือเอ็ม อายุ 26 ปี พ่อของน้องแอมป์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนเองรู้สึกช็อก เพราะก่อนเกิดเหตุก็ช่วยแม่ ซึ่งเป็นย่าของน้องแอมป์ ขายข้าวอยู่ก่อนจะแยกกลับเข้าบ้านพักไปได้สักพักเดียว และกลับมา พบว่า ลูกสาวนั้นได้ถูกแทงไปแล้ว ก่อนจะมาเสียชีวิตเมื่อค่ำเมื่อวานนี้
นายทะนงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผมมีลูกสาว 2 คน ซึ่งน้องแอมป์ ห่างจากคนพี่แค่ปีเดียว โดยเป็นเด็กกำลังช่างพูดและอ้อนเก่ง คนในบ้านหลงรักกันหมด วันนี้เป็นวันเกิดเขา กำลังคิดวางแผนว่าจะพาไปใส่บาตรรับพร แต่ก็ไม่ได้ทำแล้ว เมื่อวานนี้ผมยังถ่ายคลิปกันเล่นเป็นปกติ และเป็นคลิปสุดท้ายที่เขายังมีชีวิตอยู่ และก่อนนอนเขาก็มานอนเล่นกับผมไปเรื่อยๆ ไม่มีลางสังหรณ์อะไร แต่ผมได้ถามว่า น้องแอมป์ รักพ่อมั้ยเขาบอกว่า หนูรักพ่อมากๆๆๆ ย้ำหลายครั้ง ผมก็กอดน้องแอมป์ หลับคาอกกันทั้งคืน
“ขณะนี้ผมกลัวคดีไม่คืบหน้า เพราะรู้ว่า น.ส.จิตรลดา ได้ถูกนำไปส่งที่โรงพยาบาลนครปฐม และทำเหมือนมีอาการทางจิต แต่ก่อนเกิดเหตุสอบถามแม่แล้วเขาพูดจาได้ดี แถมตั้งใจแทงเพราะมีการถลกเสื้อน้องแอมป์ ขึ้นมาแทงด้วย ถือว่าใจร้ายมาก”
ด้าน สภ.นครชัยศรี กองทัพสื่อได้มีการเดินทางมาเกาะติดสถานการณ์ตั้งแต่เช้าเพื่อรายงานความคืบหน้า ซึ่งทั้งย่า และพ่อของ น้องแอมป์ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้บันทึกภาพหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายคุณชาติ กิตติภูริวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี ซึ่งได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่เหตุเกิดขึ้นเมื่อวาน ได้ประสานกับตำรวจในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ตนเองพอทราบข้อมูล น.ส.จิตรลดา มาบ้างแต่ไม่ทันช่วงที่เคยไปก่อเหตุแทงนักเรียนที่กรุงเทพมหานคร โดยปกติ น.ส.จิตรลดา จะเดินมาซื้อของที่ร้านก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีอาการอะไรออกมา และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้ประสานข้อมูล และได้มีชาวบ้านมาสอบถามบ้าง แต่เหตุการณ์ปกติสงบดี
โดยก่อนที่จะมาก่อเหตุทราบว่าหายไปราว 1 เดือน เมื่อกลับมาไม่ค่อยได้ออกไปไหน ซึ่งถ้าจะไปไหนจะขับรถไปกับแม่ ซึ่งที่เคยคุยกันยังปกติดี โดยช่วงแรกที่กลับมา พยายามดูพฤติกรรมกันอยู่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ซึ่งถ้าจะตั้งประเด็นน่าจะเกิดกับอากาศร้อน โดยครอบครัวนี้อยู่กัน 4-5 คน ซึ่งทาง น.ส.จิตรลดา ช่วยทำสวนที่บ้านด้วย ส่วนกระแสเรื่องของการกลับมาก่อเหตุชาวบ้านได้มีความหวาดระแวง แต่คนข้างนอกจะไม่ทราบเรื่องเพราะนานมาแล้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.ศราวุธ สุทธวิชัย ผกก.สภ.นครชัยศรี ได้สั่งการให้มีการควบคุมตัว น.ส.จิตรลดา ซึ่งถูกส่งตัวไปพักที่อาคาร 100 ปี โรงพยาบาลนครปฐม อย่างเข้มงวด แต่จะแจ้งข้อกล่าวได้หรือไม่นั้นต้องรอกระบวนการว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้หรือไม่ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนยังมีอาการเหม่อลอย ให้การไม่ได้ ซึ่งหากยังเป็นอยู่ต้องไปขออนุมัติจากศาลจังหวัดนครปฐม เพื่อให้มีการนำตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาราชนครินทร์ พุทธมณฑล เพื่อรอให้อาการดีขึ้นก่อนที่จะมีการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ส่วนร่างของน้องแอมป์นั้นได้มีการผ่าชันสูตรการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนครปฐมแล้ว ซึ่งทางญาติยังไม่ทราบว่าจะมีการนำศพออกมารดน้ำศพในวันเกิดของน้องแอมป์เลยหรือไม่ เพราะยังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนอยู่ในขณะนี้
ส่วนที่หออายุรกรรม ชั้น 3 โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่ง น.ส.จิตรลดา ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ พบว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนครปฐม ได้มีการผลัดเวรยามเพื่อคอยควบคุมตัว น.ส.จิตรลดา อย่างต่อเนื่องเพื่อรอการนำตัวไปส่งสถาบันกัลยาราชนครินทร์ โดยพบว่ามีมารดา และพี่สาวมาคอยเฝ้าตลอดทั้งคืนทซึ่งพบว่า น.ส.จิตรลดานั้นได้มีการนอนหลับและมีการควบคุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้คลุ้มคลั่งทำร้ายผู้อื่นและทำร้ายตัวเอง และพบว่ามีอาการเหม่อลอย ไม่ยอมรับประทานอาหาร ขณะที่ทั้งแม่และพี่สาวก็มีอาการเครียดหนัก เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือเพื่อสอบถามถึงอาการและความคืบหน้าในการพูดคุยกับผู้เสียหาย ได้บอกว่าปวดหัวและตัดสายทิ้งไปทันที