ประจวบคีรีขันธ์- อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ประกาศปิดงดเข้าเที่ยวชมเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ถึงแม้จะสูญเสียรายได้เดือนละหลายแสนบาท โดยหากสถานการณ์คลี่คลายลงก็จะกลับมาเปิดให้บริการต่อไป
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิดประกาศที่หน้าทางเข้า ช่องสื่อสารสื่อสังคมออนไลน์แอปพลิเคชันไลน์ และเฟซบุ๊ก จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ห่วงใยใส่ใจป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จึงขอปิดให้บริการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งถือเป็นหน่วยงานใหญ่ที่มีการประกาศงดให้บริการประชาชน
พร้อมทั้งมีมาตรการทำความสะอาดภายในสำนักงาน อาคารพิพิธภัณฑ์ทุกแห่ง สื่ออุปกรณ์การสอน โดยได้ปิดประตูทางเข้าอาคารทุกแห่ง เหลือเพียงอาคารสำนักงานที่ยังคงมีเจ้าหน้าที่มาทำงานประมาณ 200 คนเท่านั้น อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ มีการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1 พันคน หากเป็นเสาร์-อาทิตย์ตกวันละประมาณ 2-3 พันคน ส่วนวันหยุดนักขัตฤกษ์มีผู้ใช้บริการ 4-6 พันคน และมีนักท่องเที่ยวเป็นชาวพม่าที่มาจาก จ.มะริด ผ่านช่องทางด่านสิงขร และนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเสี่ยงคือ จีน เกาหลี กลุ่มประเทศยุโรป
นายเบญจพล พาลี ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ กล่าวว่า สาเหตุที่อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ต้องประกาศงดให้บริการประชาชนชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องอันตรายต่อประชาชน หลังพบมีการระบาดในหลายประเทศ รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ทางอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตั้งคณะกรรมการกำหนดแบบแผนและวางมาตรการในการดำเนินการป้องกัน และมีมติประกาศงดให้บริการชั่วคราว รอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จะมีการเปิดเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ระหว่างนี้ได้ทำความสะอาดภายในอาคาร เช็ด ล้าง พ่นยาฆ่าเชื้อ โดยเฉพาะจุดที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการมาก คือ อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อาคารพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์และอวกาศ ทางเราได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าว และต้องใช้มาตรการป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการปิด ถึงแม้จะต้องสูญเสียรายรับเดือนละหลายแสนบาท หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์มีรายรับวันละ 4-5 หมื่นบาท วันธรรมดา วันละ 5 พันบาทก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือชีวิตของประชาชน และหากเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติจะกลับมาให้บริการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า โดยก่อนหน้านี้ อบต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิดให้บริการประชาชน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไปอบรมที่จังหวัดนครปฐม และคาดว่าติดเชื้อโควิด-19 จากเจ้าหน้าที่รายอื่นภายในห้องประชุม
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่พบผู้ติดเชื้อ มีเพียงผู้ต้องสงสัยรอผลการยืนยัน 2 ราย แต่ที่น่ากังวล คือ ในพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีฐานะที่เดินไปเที่ยวประเทศรัสเซีย นั่งเครื่องที่มีผู้โดยสารเป็นชาวยุโรปและกลุ่มประเทศเสี่ยง เมื่อกลับมายังภูมิลำเนา กลับไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐและไม่มีการกักตัวภายในที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน แต่ยังคงทำกิจกรรมเป็นปกติ ค้าขายในห้องแอร์ซึ่งมีความเสี่ยงในการพบผู้คน หากยังไม่พ้นระยะเวลาตรวจสอบโรค ซึ่งเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ขณะที่ภาครัฐไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับกลุ่มคนเหล่านี้