บุรีรัมย์ - บุรีรัมย์ดึง อสม. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ทั้งจังหวัด เป็นกลไกร่วมเฝ้าระวังติดตามผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ภายใต้แนวทาง “Buriram Healthy” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ระดับครัวเรือนให้บุรีรัมย์ ปลอดจากโรคโควิด-19
วันนี้ (12 มี.ค.) นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายแพทย์ ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9, นายแพทย์ ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ร่วมประชุมชี้แจงสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแนวทางการป้องกัน การเฝ้าระวังโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 โดยใช้แนวทาง “Buriram Healthy” ดูแลปกป้อง ดุจญาติพี่น้อง ลูกหลาน โดยเป้าหมายเพื่อให้บุรีรัมย์ปลอดโรคโควิด-19 ผู้ติดเชื้อเป็น “0” โดยมีนายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อสม. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 23 อำเภอ รวมกว่า 300 คน
สำหรับรูปแบบการดำเนินงาน “Buriram Healthy” เป็นการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เช่น ตำรวจ ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ รพ.สต., อสม. และผู้นำหมู่บ้าน ชุมชน ตลอดทั้งคนในชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง ช่วยกันสอดส่องเฝ้าระวังสำรวจผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น จีน เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ไต้หวัน สิงคโปร์ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน ว่า มีใครในหมู่บ้านชุมชน เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้หรือไม่ หากพบต้องแนะนำให้อยู่บ้านและแยกกิจกรรมกับคนในครอบครัวอย่างน้อย 14 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้านชุมชน
ภายในระยะเวลากักตัวเองอยู่ที่บ้าน จะมี อสม.หรือเจ้าหน้าที่ไปให้กำลังใจดุจญาติพี่น้อง และตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย หากมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ให้แจ้ง รพ.สต.ในพื้นที่ เพื่อส่งตัวไปสังเกตอาการที่ห้องปฏิบัติการตามขั้นตอน หากผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินคดี โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการ
ทั้งนี้ เพื่อให้พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ปลอดจากเชื้อโควิด-19 เป็น “0” ทั้งนี้ อสม. ยังจะเป็นกลไกในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูแลตัวเอง โดยการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ หากมีความจำเป็นต้องไปสถานที่ที่มีคนจำนวนมากควรสวมหน้ากากอนามัย