เชียงใหม่ – หลังผีน้อยโผล่ใช้ชีวิตปกติจนตื่นกันทั่วประเทศ..ผู้ว่าฯเชียงใหม่สั่งทุกอำเภอตามประกบเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงโควิด 19 เผยตั้งแต่กลางกุมภาฯ มีคนเดินทางจากเกาหลีใต้กลับภูมิลำเนาในเชียงใหม่แล้ว 23 ราย กระจายอยู่ 8 อำเภอ 16 ตำบล
หลังจากกลุ่มแรงงานที่ลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย หรือที่ถูกขนานนามเป็น “ผีน้อย” ตลอดจนแรงงานที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งผู้คนที่เดินทางไปเที่ยว หรือธุระในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ-แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เดินทางกลับบ้านเกิดในประเทศ
ซึ่งแม้จะผ่านการตรวจสแกนจาก ตม.สุวรรณภูมิ แล้วว่าไม่มีไข้ แต่เมื่อกลับถึงภูมิลำเนาก็ออกใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ยอมแยกตัวเฝ้าระวังสังเกตุอาการต่อ 14 วันตามที่ทางราชการขอความร่วมมือ ทำให้ผู้คนในสังคมท้องถิ่นแตกตื่นกันทั่ว ตลอดจนห้างร้านที่บุคคลดังกล่าวไปใช้บริการต้องปิดร้านระดมพนักงานล้างทำความสะอาด-ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ ขณะที่ในโลกออนไลน์ก็เริ่มเกิดปฏิบัติการ “ล่าผีน้อย” ที่อาจกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นได้นั้น
ล่าสุดจังหวัดเชียงหม่ ได้มีหนังสือที่ ชม.0018.3/ว8064 ลงนามโดยนายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯเชียงใหม่ แจ้งถึงทุกอำเภอเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่า หลังไทยเป็นประเทศมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดต่อของโรคดังกล่าว เนื่องจากมีผู้เดินทางเข้ามาจากนอกราชอาณาจักรต่อเนื่อง
ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศให้ประเทศเกาหลีใต้ จีน อิหร่าน และอิตาลี อยู่ในกลุ่มที่เกิดการระบาดร้ายแรง เป็นประเทศโรคติดต่ออันตราย ผู้ที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้ต้องกักตัวเฝ้าระวังสังเกตอาการ 14 วันด้วยนั้น
เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาด จึงให้บูรณาการงานในพื้นที่เกี่ยว้อง ทั้งหน่วยราชการ เอกชน ประชาชน จิตอาสาพระราชทาน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อสม.ฯลฯ เฝ้าระวังติดตามและตรวจสอบบุคคลที่เดินทางกลับจากเกาหลี รวมถึงประเทศต่างๆที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาด
โดยทางจังหวัดฯจะส่งข้อมูลผู้ที่เดินทางกลับจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่านประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาด เพื่อให้ติดตามตรวจสอบเฝ้าระวังต่อไป
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-5 มี.ค.มีผู้ที่เดินทางจากกรุงโซล อินซอน เกาหลีใต้ กลับมาในเชียงใหม่แล้ว 23 ราย กระจายกลับภูมิลำเนา 8 อำเภอ 16 ตำบล ประกอบด้วย อ.เมืองเชียงใหม่ 8 ราย อยูาใน ต.แม่เหียะ 2 ราย ต.สุเทพ 2 ราย ต.ช้างม่อย 1 ราย ต.ช้างคลาน 1 ราย ต.ท่าศาลา 2 ราย , ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย 1 ราย , อ.สารภี 3 ราย อยู่ใน ต.ไชยสถาน 1 ราย ต.ยางเนิ้ง 2 ราย ต.ป่าบง 1 ราย
อ.สันกำแพง 4 ราย อยู่ใน ต.บวกค้าง 3 ราย ต.ต้นเปา 1 ราย , ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด 1 ราย , ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว 2 ราย , ต.ทุ่งปิ๊ อ.แม่วาง 1 ราย , ต.ป่าตุ้ม อ.พร้าว 1 ราย และ ต.แม่ทา อ.แม่ออน 1 ราย
ด้านนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ย้ำว่าขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน งดกิจกรรมทางสังคม ไม่ไปอยู่ในที่มีคนหนาแน่น หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจของประชาชนในพื้นที่นั้นด้วย
สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สาธารณรัฐประชาชนจีน (รวมมาเก๊า,ฮ่องกง) อิตาลี และอิหร่าน จะถูกจำกัดบริเวณเป็นเวลา 14 วัน ในเขต “พื้นที่ควบคุมโรค” ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดพื้นที่ควบคุมโรค รองรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไว้ 2 แห่ง คือ โรงยิมเนเซียม 3 สนามกีฬาเชียงใหม่ 700 ปี และกองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางจังหวัดจะได้ดำเนินการตามมาตรการของกรมควบคุมโรคต่อไป